กระเพาะอาหาร ทำงานยังไง กลไกสำคัญของการย่อยอาหาร

กระเพาะอาหาร ทำงานยังไง

กระเพาะอาหาร ทำงานยังไง เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเมื่อเกิดอาการแน่นท้องหรืออาหารไม่ย่อย การทำงานของกระเพาะอาหารถือเป็นกระบวนการสำคัญในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร บทความนี้จะอธิบายกลไกต่าง ๆ ของกระเพาะอาหารตั้งแต่โครงสร้างไปจนถึงหน้าที่หลัก

  • การทำงานของ กระเพาะอาหาร
  • วิธีดูแลรักษากระเพาะอาหาร
  • ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของระบบย่อย

โครงสร้างของกระเพาะอาหารและหน้าที่พื้นฐาน

กระเพาะอาหารมีรูปร่างคล้ายถุงกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างหลอดอาหารและลำไส้เล็ก ภายในประกอบด้วยชั้นกล้ามเนื้อและเยื่อบุที่ทำหน้าที่สร้างกรดและเอนไซม์ มีเซลล์หลายชนิดที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบเพื่อย่อยสลายอาหารที่รับประทานเข้าไป

กระเพาะอาหารเป็นอวัยวะในระบบย่อยอาหารที่มีลักษณะเป็นถุงกล้ามเนื้อ อยู่ระหว่างหลอดอาหารและลำไส้เล็ก โครงสร้างหลักประกอบด้วยผนังสี่ชั้น ได้แก่ เยื่อบุ เยื่อใต้เยื่อบุ กล้ามเนื้อ และเยื่อหุ้มภายนอก ภายในมีกรดไฮโดรคลอริกและเอนไซม์เพปซินที่ช่วยย่อยโปรตีน หน้าที่พื้นฐานคือเก็บอาหาร

ช่วยย่อยเบื้องต้น และควบคุมการปล่อยอาหารเข้าสู่ลำไส้เล็ก การบีบตัวของกล้ามเนื้อช่วยคลุกเคล้าอาหารให้กลายเป็นของเหลวกึ่งแข็งเรียกว่าไคม์ (chyme) เพื่อส่งต่อไปยังลำไส้เล็กสำหรับการย่อยต่อไป โครงสร้างนี้ช่วยให้กระเพาะสามารถคลุกเคล้าและย่อยอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับองค์ประกอบนี้ จะช่วยให้เห็นภาพรวมการทำงานชัดเจนยิ่งขึ้น [1]

กล้ามเนื้อกระเพาะกับบทบาทในการเคลื่อนไหวอาหาร

กล้ามเนื้อของกระเพาะช่วยบีบตัวเพื่อคลุกเคล้าอาหารให้เข้ากับน้ำย่อย การเคลื่อนไหวแบบนี้ทำให้อาหารกลายเป็นเนื้อเหลวพร้อมสำหรับการดูดซึม กระบวนการนี้เรียกว่า “Peristalsis” และเป็นจังหวะที่ควบคุมโดยระบบประสาทอัตโนมัติ หากกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ อาจเกิดปัญหา กรดไหลย้อนหรืออาหารตกค้าง ดังนั้น กล้ามเนื้อจึงมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร

เยื่อบุและการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร

เยื่อบุภายในกระเพาะมีหน้าที่หลักในการสร้างกรดเกลือ  และเอนไซม์เพปซิน กรดเหล่านี้ช่วยย่อยโปรตีนและฆ่าเชื้อโรคที่มากับอาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้กรดทำลายเนื้อเยื่อ เยื่อบุจะสร้างเมือกมาปกคลุม หากสมดุลนี้เสียไป อาจนำไปสู่โรคกระเพาะหรือแผลในกระเพาะอาหาร ระบบนี้จึงต้องมีความแม่นยำสูงในการควบคุม

ปากมีความสำคัญกับกระเพาะยังไง

ปากเป็นอวัยวะแรกของระบบย่อยอาหารที่มีหน้าที่สำคัญหลายประการ เริ่มจากการรับอาหารเข้าสู่ร่างกาย โดยมีฟันทำหน้าที่บดเคี้ยวอาหารให้มีขนาดเล็กลง เพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสเพื่อให้เอนไซม์ทำงานได้ดีขึ้น น้ำลายที่หลั่งจากต่อมน้ำลายจะช่วยหล่อลื่นอาหารและมีเอนไซม์อะไมเลสที่เริ่มย่อยแป้งตั้งแต่ในปาก

ลิ้นช่วยในการคลุกเคล้าอาหาร ตรวจรับรส และช่วยดันอาหารลงสู่คอหอยเพื่อเข้าสู่หลอดอาหาร ปากยังมีบทบาทในการออกเสียงและการพูด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสื่อสารของมนุษย์อีกด้วย หากต้องการอ่านต่อ สามารถอ่านได้ที่ ปาก ทำหน้าที่อะไรบ้าง

กระบวนการย่อยอาหารภายในกระเพาะ

เมื่ออาหารเข้าสู่กระเพาะ กลไกการย่อยจะเริ่มขึ้นทันทีด้วยกรดและเอนไซม์เฉพาะ อาหารประเภทโปรตีนจะถูกย่อยเป็นกรดอะมิโนด้วยเอนไซม์เพปซิน ไขมันและคาร์โบไฮเดรตจะเริ่มย่อยจากช่องปากและต่อเนื่องในลำไส้ ในระหว่างนี้ กระเพาะจะควบคุมเวลาและปริมาณอาหารที่จะปล่อยไปยังลำไส้เล็ก ระบบนี้ช่วยให้การดูดซึมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดการสะสมของเสีย [2]

กระบวนการย่อยอาหารในกระเพาะเริ่มต้นเมื่ออาหารเข้าสู่กระเพาะจากหลอดอาหาร ผนังกระเพาะจะหลั่งกรดไฮโดรคลอริก เพื่อฆ่าเชื้อโรคและทำให้อาหารเป็นกรดเหมาะสมกับการทำงานของเอนไซม์เพปซิน เอนไซม์นี้จะย่อยโปรตีนให้กลายเป็นสายเปปไทด์สั้น ๆ

กล้ามเนื้อของกระเพาะจะบีบตัวเพื่อคลุกเคล้าอาหารให้เป็นเนื้อเดียวกัน เรียกว่า “ไคม์” จากนั้นอาหารจะถูกปล่อยผ่านกล้ามเนื้อหูรูดไปยังลำไส้เล็กอย่างช้า ๆ กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารที่รับประทานเข้าไป [3]

เอนไซม์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการย่อย

เอนไซม์ที่สำคัญในการย่อยอาหารมีหลายชนิด โดยแต่ละชนิดทำหน้าที่ย่อยสารอาหารเฉพาะกลุ่ม เอนไซม์เพปซิน (Pepsin) ทำงานในกระเพาะอาหาร มีหน้าที่ย่อยโปรตีนให้เป็นสายเปปไทด์ ในลำไส้เล็กมีเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) จากตับอ่อน

ช่วยย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเล็ก เอนไซม์ไลเปส (Lipase) ย่อยไขมันให้เป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์จากเยื่อบุลำไส้ ได้แก่ มอลเทส แลกเตส และซูเครส ที่ช่วยย่อยน้ำตาลต่าง ๆ ให้ดูดซึมได้ง่าย เอนไซม์ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพปซินเป็นเอนไซม์หลักที่ผลิตจากเซลล์เฉพาะในกระเพาะอาหาร ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนในอาหารให้กลายเป็นเปปไทด์สั้น ๆ เอนไซม์นี้จะทำงานได้ดีในสภาวะที่มีกรดสูง หากกรดน้อยเกินไป เอนไซม์จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้อาหารตกค้างหรือเกิดอาการท้องอืดได้ง่าย

บทบาทของกรดไฮโดรคลอริก (HCl)

HCl ไม่เพียงแต่ช่วยย่อยอาหาร แต่ยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกาย กรดนี้ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งเอนไซม์อื่น ๆ ให้ทำงานอย่างเต็มที่ ระดับกรดต้องสมดุลเพื่อไม่ให้ทำลายเนื้อเยื่อของกระเพาะ ผู้ที่มีกรดในกระเพาะต่ำอาจประสบภาวะย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมช่วยปรับสมดุลกรดนี้ได้

กรดไฮโดรคลอริก ในกระเพาะอาหารมีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหาร โดยช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดเพื่อให้เอนไซม์เพปซินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรดนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อโรคและจุลินทรีย์ที่ปะปนมากับอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยทำให้โปรตีนในอาหารเสียโครงสร้าง

เพื่อให้ง่ายต่อการย่อยด้วยเอนไซม์  ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งเอนไซม์และฮอร์โมนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหารอีกด้วย การทำงานของ จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งระบบย่อยและสุขภาพโดยรวม

การควบคุมการทำงานของกระเพาะอาหาร

กระเพาะอาหาร ทำงานยังไง

ระบบประสาทอัตโนมัติและฮอร์โมนหลายชนิดทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะ เมื่อเรามองเห็นหรือได้กลิ่นอาหาร สมองจะส่งสัญญาณกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งน้ำย่อย ฮอร์โมน Gastrin มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการหลั่งกรด

ระบบนี้ช่วยให้กระเพาะทำงานตามเวลาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของร่างกาย หากการควบคุมผิดปกติ อาจส่งผลต่อการย่อยและการดูดซึมสารอาหาร

การควบคุมการทำงานของกระเพาะอาหารเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ซึ่งเกิดจากการประสานงานระหว่างระบบประสาทและระบบฮอร์โมน เพื่อให้การย่อยอาหารเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับปริมาณอาหารที่เข้าสู่กระเพาะ

การควบคุมโดยระบบประสาท

ระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของกระเพาะอาหารมีทั้งส่วนของระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) และระบบประสาทภายในลำไส้ (Enteric Nervous System) ซึ่งมีบทบาทดังนี้:

  • ระบบประสาทพาราซิมพาเธติก (Parasympathetic Nervous System)โดยเฉพาะเส้นประสาทเวกัส (Vagus nerve) มีบทบาทกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งกรด HCl และเอนไซม์ ได้แก่ เพปซิน รวมถึงกระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะเพื่อคลุกเคล้าอาหาร
  • ระบบประสาทซิมพาเธติก (Sympathetic Nervous System): มีบทบาทในการยับยั้งการทำงานของกระเพาะอาหารในสถานการณ์ที่ร่างกายเผชิญกับความเครียดหรืออันตราย ได้แก่ ขณะตกใจหรือออกกำลังกายอย่างหนัก
  • รีเฟล็กซ์ในระบบย่อยอาหาร (Gastrocolic Reflex และ Enterogastric Reflex): ช่วยควบคุมการเคลื่อนที่ของอาหารในระบบทางเดินอาหาร

การควบคุมโดยฮอร์โมนของกรเพาะ

ฮอร์โมนจากเซลล์เฉพาะในเยื่อบุทางเดินอาหารจะถูกหลั่งออกมาเพื่อตอบสนองต่ออาหาร และช่วยควบคุมการทำงานของกระเพาะ ได้แก่:

  • แกสทริน (Gastrin): หลั่งจากเซลล์ G ในเยื่อบุของกระเพาะ มีหน้าที่กระตุ้นให้กระเพาะหลั่งกรด HCl และเพิ่มการบีบตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะ
  • เซเครติน (Secretin): หลั่งจากลำไส้เล็กเมื่อตรวจพบกรดจากกระเพาะอาหาร มีหน้าที่ลดการหลั่งกรดจากกระเพาะและกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งน้ำด่าง
  • คอลีซิสโตไคนิน (Cholecystokinin หรือ CCK): หลั่งจากลำไส้เล็กเช่นกัน กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยจากตับอ่อน และชะลอการปล่อยอาหารจากกระเพาะเข้าสู่ลำไส้
  • เกรลิน (Ghrelin): เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากกระเพาะก่อนมื้ออาหาร เพื่อกระตุ้นความหิวและกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะ

ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของกระเพาะอาหาร

การทำงานของกระเพาะอาหารไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบบภายในเท่านั้น ยังมีปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่ส่งผล เช่นกระเพาะอาหาร ทำงานยังไงอาหาร พฤติกรรม และความเครียด การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา หรืออาหารที่มีไขมันสูง อาจรบกวนการย่อย


นอกจากนี้ การใช้ยาบางชนิดก็อาจทำให้กรดหลั่งมากขึ้นหรือน้อยลงเกินไป การดูแลสุขภาพโดยรวมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสมดุลของกระเพาะอาหาร

อาหารที่ช่วยหรือทำร้ายกระเพาะ

อาหารที่มีเส้นใยสูงและย่อยง่าย อาทิ ผัก ผลไม้ และข้าวกล้อง ช่วยให้กระเพาะทำงานดี อาหารมันจัด เผ็ดจัด หรือมีคาเฟอีน อาจทำให้กรดในกระเพาะหลั่งมากเกิน การรับประทานอาหารปริมาณน้อยแต่บ่อย จะช่วยลดภาระของกระเพาะ หลีกเลี่ยงการกินก่อนนอนช่วยลดความเสี่ยงของกรดไหลย้อน พฤติกรรมการกินที่เหมาะสมจึงมีผลต่อประสิทธิภาพของการย่อยอาหาร

ความเครียดกับกระเพาะอาหาร


ความเครียดส่งผลให้ระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะ เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะลดการหลั่งกรดและชะลอการเคลื่อนไหวของกระเพาะ ทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง หรือแม้แต่ปวดกระเพาะ การพักผ่อนเพียงพอและการจัดการความเครียดจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาสมดุลการทำงานของกระเพาะอาหารให้เป็นปกติ

 โดยสรุป กระเพาะอาหาร ทำงานยังไง กลไกระบบย่อย

โดยสรุป กระเพาะอาหาร ทำงานยังไง เป็นคำถามที่สามารถตอบได้ด้วยความเข้าใจโครงสร้าง การหลั่งสาร การควบคุมของระบบประสาท และปัจจัยภายนอก การทำงานของกระเพาะต้องการความสมดุลทั้งในแง่ของฮอร์โมน กล้ามเนื้อ และสิ่งเร้าจากพฤติกรรมการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจจึงมีบทบาทต่อกระเพาะอาหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กระเพาะอาหารเริ่มทำงานเมื่อไหร่หลังจากกินอาหาร

กระเพาะอาหารจะเริ่มหลั่งกรดและเอนไซม์ทันทีหลังจากอาหารเข้าสู่ปากและกลืนลงไป ระบบประสาทจะส่งสัญญาณล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมในการย่อย การทำงานนี้เริ่มตั้งแต่หลอดอาหารจนถึงลำไส้เล็ก

อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้กระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ

ปัจจัยได้แก่ ความเครียด อาหารไม่เหมาะสม ยา และพฤติกรรมการกิน สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้ระบบประสาทและฮอร์โมนแปรปรวน นำไปสู่ปัญหา อาทิ กรดไหลย้อน หรือแผลในกระเพาะอาหาร

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง