กวี สามแต้ม ผู้เปลี่ยนระยะไกลให้กลายเป็นศิลปะ

กวี สามแต้ม

กวี สามแต้ม สตีเฟน เคอร์รี่ (Stephen Curry) ในโลกที่เต็มไปด้วยนักกีฬา ผู้แข็งแกร่ง เคอร์รี่กลับเลือกใช้ “ความแม่น” แทนพละกำลัง ในเกมที่หลายคน พึ่งพาความสูง เขาใช้ระยะเป็นอาวุธ และในบาสเกตบอล ที่ใครๆมองว่าคือการปะทะ เคอร์รี่เปลี่ยนมันให้เป็นบทกวี ที่ลอยอยู่กลางอากาศ

  • จุดเด่นในสไตล์การยิงของเคอร์รี่
  • ปัจจุบันเคอร์รี่ในวัย 36 ปียังมีบทบาทแค่ไหน
  • มุมมองใหม่ที่หลายคนมองข้ามเกี่ยวกับเคอร์รี่

แสงประกายจากระยะที่ไม่มีใครกล้ายิง

ในโลกของบาสเกตบอล ที่เคยศรัทธาการบุกวงใน และความแข็งแกร่งของ เสาหลัก ใต้แป้น เคอร์รี่ปรากฏตัวขึ้น เหมือนบทกวี ที่ท้าทายโครงสร้างของกลอนเก่า เขาไม่ได้มาเพื่อวิ่งชน ไม่ได้มาเพื่อกระโดดข้ามใคร แต่เขามาด้วยสิ่งที่เรียกว่า “ศรัทธาในระยะที่ไกลเกินปกติ” และสัมผัสมือที่แม่นเกินมนุษย์

หากคุณลองปิดเสียงสนาม Chase Center และดูเคอร์รี่เล่นเพียงลำพัง คุณจะเห็น “การเคลื่อนไหวของศิลปิน” มากกว่านักกีฬา เขายิงบอลไม่ใช่แค่เพื่อทำแต้ม แต่เหมือนกำลังเขียนบทใหม่ ให้กับวงการบาส

เมื่อระยะ 30 ฟุต กลายเป็น “พื้นที่ธรรมดา”

กวี สามแต้ม

การเปลี่ยนโฉมเกม จากตำราสู่เส้น 4 จุดที่ไม่มีจริง ช่วงก่อนหน้าเคอร์รี่ บาส NBA มีหลักเกณฑ์ชัดเจนว่า ระยะไกลเป็นเพียง อาวุธเสริม ไม่ใช่แกนหลัก การชู้ตสามแต้มถูกมองว่าเสี่ยง และเหมาะกับสถานการณ์เฉพาะ อย่างการตามคะแนน หรือเหลือเวลาไม่มาก ในควอเตอร์สุดท้าย

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป หลังจากชายคนหนึ่ง เริ่มยิงจาก 30 ฟุตด้วยความมั่นใจ และแม่นยำเกินคาด หลังปี 2015 การออกแบบเกมบุกของ NBA เปลี่ยนจากการบุกเข้าไปใต้แป้น เป็นการสร้างพื้นที่ และโอกาสจากภายนอก ทีมต่างๆ เริ่มมีเป้าหมายว่า “การยิงสามแต้ม” คือจุดที่คุ้มค่าที่สุด ในแง่ของคณิตศาสตร์ [1]

  • เพลย์แบบ flare screen, elevator screen หรือ ghost screen ถูกออกแบบเพื่อเปิดช่อง ให้ได้ช็อตสามแต้ม ที่โล่งที่สุด
  • มือชู้ตระดับ role player ถูกยกระดับค่าเหนื่อย เพราะกลายเป็นแกนสำคัญของ spacing
  • เด็กๆทั่วโลก หยุดฝันถึงการดังก์ และหันมาซ้อมชู้ตจากโลโก้ เพราะเห็นว่านั่นคือสิ่งที่เคอร์รี่ทำให้เป็นไปได้จริง

การลบขีดจำกัดของระยะ ระบบใหม่จากแรงบันดาลใจ

ในฤดูกาล 2024-25 นี้ เราเห็นแม้แต่เซนเตอร์ ที่เคยอยู่แต่ใต้แป้น อย่างคาร์ล-แอนโทนี ทาวน์ส (Karl-Anthony Towns), บรู๊ค โลเปซ (Brook Lopez) หรือแม้แต่โจเอล เอ็มบีด (Joel Embiid) เริ่มขยับออกมายิงสามแต้ม อย่างเป็นระบบ

นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนตามแฟชั่น แต่มันคือการเปลี่ยนแปลง ระดับรากฐานของเกม และทั้งหมดนี้ เริ่มจากการที่สตีเฟน เคอร์รี่ลบคำว่า “ระยะไกล” ออกจากพจนานุกรมของ NBA ด้วยมือของเขาเอง

และเคอร์รี่แม้จะเข้าสู่วัย 36 แต่ยังแม่นเหมือนเดิม เขายังทำคะแนน เฉลี่ยมากกว่า 25 แต้มต่อเกม แม้อายุจะมากขึ้น เพราะเขาไม่ได้ขับเคลื่อนเกม ด้วยความเร็ว แต่ด้วยความรู้ และทักษะการอ่านสถานการณ์ ระดับปรมาจารย์ [2]

ศิลปะของการยิง มากกว่ากลไกคือการสัมผัส

กวี สามแต้ม

สิ่งที่ทำให้เคอร์รี่ แตกต่างจากมือชู้ตอื่นๆ ไม่ใช่แค่เปอร์เซ็นต์ความแม่น ที่สูงลิ่ว แต่เป็น วิธีการสร้างจังหวะ ที่เขาออกแบบขึ้นเองทุกครั้ง ที่ลงสนาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเลียนแบบได้ง่ายๆ [3]

  • เขาสามารถชู้ตได้ทั้งจากจังหวะดริบเบิล อย่างรวดเร็ว (pull-up) ที่เปลี่ยนจากการเลี้ยงบอล มาเป็นการยิง ภายในเสี้ยววินาที และจากการวิ่งให้หลุดตัวประกบ แล้วรับบอลเพื่อยิงทันที (off-screen) ซึ่งต้องอาศัยการอ่านเกม และการเคลื่อนที่อย่างแม่นยำ
  • เขาเข้าใจมุมสนาม รู้ว่าตำแหน่งไหน คู่แข่งจะเสียสมดุล และใช้จังหวะที่ไม่ธรรมดา อย่างเช่น ยิงจากมุมที่ไม่มีใครคาดคิด หรือในขณะที่กองหลัง ยังไม่ทันตั้งตัว
  • ที่สำคัญคือ เขาปล่อยบอลออกจากมือ ได้เร็วที่สุดในลีก โดยใช้เวลาเพียงประมาณ 0.4 วินาที ทำให้แทบจะไม่มีใคร สามารถบล็อก หรือแม้แต่เข้าประกบได้ทัน

เปรียบเทียบเคอร์รี่ vs มือชู้ตรุ่นใหม่

  • Stephen Curry : ชู้ตได้ทั้งแบบ pull-up (ยิงจากจังหวะเลี้ยงบอล) และ off-ball (วิ่งหลุดมารับแล้วยิง) เขาไม่หยุดเคลื่อนไหว ตลอดทั้งเกม ทำให้คู่แข่งตามไม่ทัน แถมยังปล่อยบอลได้เร็ว และเลือกมุมยิงแปลกๆ ที่ไม่มีใครคาดเดาได้
  • Damian Lillard : โดดเด่นในการยิง pull-up จากระยะไกล โดยเฉพาะจากโลโก้กลางสนาม ใช้พละกำลัง และความมั่นใจสูง ในการเปลี่ยนจังหวะเกม แบบฉับพลัน
  • Trae Young : ชู้ตได้รวดเร็วจากจังหวะ pick-and-roll ใช้ความเร็ว และไหวพริบในการหาช่องยิง แม้ตัวเล็ก แต่พลิกสถานการณ์ได้ไว แบบที่คาดไม่ถึง
  • Klay Thompson : เป็นมือชู้ตแบบ off-screen ที่คลาสสิก และเฉียบคม ใช้การวิ่งหลุด และตำแหน่งที่แม่นยำ ยิงแบบนิ่ง เนี้ยบ และทรงพลังเมื่อได้จังหวะที่ใช่

ถึงจะมีมือชู้ตหลายคนที่ดีมากในปัจจุบัน แต่ไม่มีใครคนไหน ที่เปลี่ยนโครงสร้างของเกมได้เท่าเคอร์รี่อีกแล้ว เขาไม่เพียงแต่ทำให้สามแต้ม กลายเป็นหัวใจของเกม แต่ยังทำให้มัน กลายเป็นศาสตร์ที่ต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งวงการ

คำแนะนำจาก “กวีสามแต้ม” สำหรับคนรุ่นใหม่

ไม่ต้องกลัวจะไม่เหมือนใคร เคอร์รี่เคยถูกเมินในวัยเด็ก เพราะรูปร่าง แต่เขาไม่พยายามเลียนแบบใคร เขาแค่พัฒนาสิ่งที่มี ให้แม่นที่สุดในโลก ซ้อมให้เกินจริง เคอร์รี่ซ้อมชู้ตในสถานการณ์ ที่ยากกว่าเกมจริงเสมอ

เคอร์รี่ไม่ใช่แค่มือปืน แต่คือระบบ
สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ เคอร์รี่ไม่ใช่แค่มือชู้ตแถวหน้า แต่เขาคือ “ระบบของทีมวอร์ริเออร์ส” การเคลื่อนไหวของเขา โดยไม่มีบอล ทำให้เพื่อนร่วมทีม ได้จังหวะยิงที่โล่ง การดึงตัวประกบแบบไร้บอล คือทักษะที่แทบไม่มีใครสอน หากไม่มีเขา ระบบ motion offense ของทีมจะไม่มีจุดศูนย์กลางพลังงานเลย

บทส่งท้าย กวี สามแต้ม ไม่ได้เป็นตำนานเพราะแต้ม

ท้ายที่สุด กวี สามแต้ม “สตีเฟน เคอร์รี่” ไม่ได้เป็นตำนาน เพราะแค่ยิงสามแต้มได้เยอะที่สุด แต่เพราะเขา ทำให้การยิงสามแต้ม กลายเป็นภาษา ที่ทุกคนในวงการต้องเรียนรู้ เขาเปลี่ยนการเล่น เปลี่ยนวิธีมองเกม เขาคือกวี ที่เขียนกลอนจากเส้นสามแต้ม และเขียนมันซ้ำๆ จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของบาสเกตบอล

ทำไมสตีเฟน เคอร์รี่ถึงถูกเรียกว่ากวีสามแต้ม ?

เพราะเขาไม่ได้แค่ยิงสามแต้มเก่ง แต่เปลี่ยน “การยิงไกล” ให้กลายเป็นศิลปะ ที่มีจังหวะเฉพาะตัว สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เกมบุก ด้วยความแม่น การเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล และวิธีคิดนอกกรอบ ที่พลิกโฉมเกมทั้งระบบ

เคอร์รี่เปลี่ยนเกม NBA อย่างไรบ้าง ?

เขาทำให้สามแต้ม กลายเป็นหัวใจของระบบแทคติก แทนที่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย ทีมต่างๆ ปรับการเล่นใหม่ทั้งหมด เพื่อเปิดพื้นที่ให้ยิงระยะไกล และแม้แต่เซนเตอร์ ก็เริ่มชู้ตสามแต้มกันเป็นเรื่องปกติ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง