
กิ้งก่าหนาม ลักษณะ สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่ดูราวกับหลุดออกมา จากตำนานโบราณ สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กที่มีผิวหนังปกคลุม ด้วยหนามแหลมคมทั่วทั้งตัว ทำให้มันดูน่าเกรงขาม และเป็นที่น่าจดจำ
กิ้งก่าหนาม (Horned Lizard) สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ ในเขตอบอุ่น ถึงทะเลทราย หลายแห่งของทวีปอเมริกาเหนือ และบางส่วน ของอเมริกากลาง มีบทบาทสำคัญ ในระบบนิเวศ โดยทำหน้าที่ ควบคุมประชากรแมลง โดยเฉพาะมด แมลงขนาดเล็กอื่นๆ ซึ่งช่วยรักษาสมดุล ของสิ่งแวดล้อม
ซึ่งในปี 1825 นักสัตววิทยาชื่อ Richard Harlan ได้บรรยายแล้วตั้งชื่อ กิ้งก่าหนามชนิดแรก ถูกจัดอยู่ ในวงศ์ Phrynosomatidae ซึ่งเป็นวงศ์ของสัตว์เลื้อยคลาน ประเภทกิ้งก่า ในอันดับ Squamata โดยวงศ์นี้เป็นกลุ่มกิ้งก่า ที่พบได้ทั้งใน ทวีปอเมริกาเหนือ และอเมริกากลาง
ส่วนงานศึกษาเชิงระบบวิทยาลัย ในปี 2021 ได้มีการปรับปรุง และแบ่งหมวดหมู่ชนิด-อนุชนิด ของ Phrynosoma อย่างละเอียด โดยมีการจัดประเภท จากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ mitochondrial หลายยีน (ND1, ND2, ND4, 12S) ซึ่งช่วยให้จำแนกกิ้งก่า หลากหลายชนิดได้ชัดเจนขึ้น (20 พฤศจิกายน 2024) [1]
วงจรชีวิตของกิ้งก่าหนาม เริ่มต้นจาก การวางไข่ (oviparous) โดยตัวเมียจะขุดหลุมในดิน หรือทราย เพื่อฝังไข่ ป้องกันนักล่า รักษาความชื้นให้เหมาะสม สำหรับการฟักไข่
ไข่จะฟักเป็นลูกอ่อน ภายในระยะเวลาหลายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และอุณหภูมิ เมื่อฟักออก ลูกกิ้งก่าหนามจะมีลักษณะ เหมือนตัวเต็มวัยขนาดเล็ก สามารถหาอาหาร และหลบซ่อนตัวเอง ได้ตั้งแต่แรกเกิด
เมื่อโตเต็มวัย กิ้งก่าหนามจะเข้าสู่ วัยเจริญพันธุ์ เริ่มผสมพันธุ์ สร้างลูกหลานต่อไป วงจรชีวิตนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ประชากร สามารถดำรงอยู่ได้ ในพื้นที่แห้งแล้ง และทะเลทราย ที่มีทรัพยากรจำกัด (สืบค้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2025) [2]
กิ้งก่าหนามมีวิธีดื่มน้ำ ไม่เหมือนสัตว์เลื้อยคลานทั่วไป พวกมันสามารถดูดซึมน้ำ ผ่านผิวหนังและเกล็ด โดยเฉพาะที่หลัง ด้านข้างลำตัว น้ำฝนหรือหยดน้ำบนพื้นผิว จะถูกเกล็ดนำไปยังปาก โดยใช้ร่องเล็กๆ บนผิวหนังเป็นท่อส่งน้ำ
พฤติกรรมนี้ ช่วยให้กิ้งก่าหนาม อยู่รอดได้ในพื้นที่แห้งแล้ง หรือทะเลทราย ที่น้ำเป็นทรัพยากรจำกัด ทำให้มันไม่จำเป็น ต้องพึ่งแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เหมือนสัตว์ชนิดอื่น และเป็นตัวอย่างของ การปรับตัวทางธรรมชาติอย่างชาญฉลาด ในระบบนิเวศแห้งแล้ง (27 มกราคม 2025) [3]
ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะ การอนุรักษ์ของกิ้งก่าหนาม มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดและพื้นที่ ที่อาศัย บางชนิดได้รับการจัดอันดับจาก IUCN (International Union for Conservation of Nature) ว่าเป็นสัตว์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากมีการกระจายพันธุ์กว้างขวาง และประชากรที่มั่นคง
อย่างไรก็ตาม กิ้งก่าหนามบางชนิด เช่น Acanthosaura phuketensis ซึ่งพบเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต ของประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับว่า ใกล้สูญพันธุ์ จากข้อมูล ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2017 (ข้อมูลเผยแพร่ในปี 2018) เนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย และการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับ เต่าราเดียตา คือ
สรุป กิ้งก่าหนาม ลักษณะ พวกมันมีวิถีชีวิต กินแมลงเป็นหลัก ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมแห้งแล้ง และพรางตัวจากนักล่าได้ดี กิ้งก่าหนามวางไข่ เป็นลูกหลาน และบางชนิดมีวิธีดื่มน้ำ ผ่านเกล็ดอย่างน่าทึ่ง
กิ้งก่าหนามในธรรมชาติ มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 – 8 ปี ขึ้นอยู่กับชนิด และสภาพแวดล้อม ที่อยู่อาศัยของมัน ปัจจัยอย่างการมีนักล่ามาก การขาดแหล่งอาหาร หรือการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ อาจทำให้อายุสั้นลงได้
ลูกกิ้งก่าหนามใช้เวลาฟัก ออกจากไข่ประมาณ 50 – 60 วัน หลังจากแม่วางไข่ในดิน หรือทรายที่มีความร้อน และความชื้นพอเหมาะ ระยะเวลานี้อาจสั้น หรือยาวขึ้นเล็กน้อย