ขุนพล ผ้าใบแดง ผู้เปลี่ยนการรุกให้เป็นบทกวีเลือดเดือด

ขุนพล ผ้าใบแดง

ขุนพล ผ้าใบแดง “เดอมาร์ เดอโรซาน” (DeMar DeRozan) ในวันที่เกมรุก NBA กลายเป็นศิลปะของความเร็ว เดอโรซานกลับเลือกที่จะใช้พู่กัน แทนลูกธนู และปล่อยให้ฟุตเวิร์กแทนเสียง เขาคือคนที่ยังกล้าเขียนบทกวี ลงบนสนาม ด้วยจังหวะที่ไม่มีใครอยากรอ แต่เขากลับควบคุมมัน ได้อย่างหมดจด

  • สไตล์การเล่นที่เป็นจุดแข็งของเดอโรซาน
  • สถิติในฤดูกาลต่างๆ ของเดอโรซาน
  • บทบาทของเดอมาร์ เดอโรซานในวัย 34 ปีในทีมชิคาโก บูลส์

จังหวะที่เลือดหลั่งผ่านฟุตเวิร์กอันประณีต

ขุนพล ผ้าใบแดง “เดอโรซาน” ไม่ได้รุกอย่างดุดัน แบบดาเมจหลักของทีมคู่แข่ง เขาไม่ใช่ไฮไลต์แมน ที่พุ่งเข้าหาห่วง แบบไร้ขีดจำกัด แต่การเล่นของเขา คือภาพวาดที่เคลื่อนไหว มีจังหวะ หยุด ดึง ปล่อย ที่ไม่ได้มาจากตำราสมัยใหม่

แต่หล่อหลอมมาจาก ความเข้าใจร่างกาย และพื้นที่สนาม ในแบบนักรบสุดคลาสสิก ในยุคที่ทุกคน ต่างก็เชิดชูการชู้ตสามแต้ม เดอโรซานคือหนึ่งในไม่กี่คน ที่ยังเชื่อใน mid-range และ fadeaway ที่ถูกบรรจงวาดขึ้น อย่างแม่นยำราวบทกวี

เขาไม่แคร์ ว่าอัตราความคุ้มค่าทางสถิติ จะไม่เข้าข้าง ขอแค่เขาคุมจังหวะได้ เขาก็เปลี่ยนทุกการรุก ให้เป็นศิลปะ ที่หยดเหงื่อหลอมรวมกับเลือด ในเกมเพลิง

ความนิ่งที่ฟาดแหลก ในยุคของความวูบวาบ

ขุนพล ผ้าใบแดง

NBA ในปัจจุบัน ที่ใครๆ ก็เน้นสปีดและ spacing เดอโรซานกลับเดินสวนทาง เขาเลือกจะเล่นช้าลง เขียนเกมจาก mid-post ใช้ฟุตเวิร์กค่อยๆสะกดคู่ต่อสู้ ให้อยู่ในกรอบของเขา แล้วจึงปล่อยให้ความแม่น และจังหวะสังหาร เป็นผู้ตัดสิน

หลายคนบอกว่าเขา “ตกยุค” แต่สถิติบอกตรงข้าม ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา เขากลับมามีค่าเฉลี่ยคะแนน ที่สูงที่สุดในชีวิต และยังเป็นผู้เล่น ที่ได้ฟาวล์บ่อยสุด เป็นอันดับต้นๆของลีก แสดงให้เห็นว่า แม้จะไม่มีการยิงไกล ที่หวือหวา แต่เขายังสามารถปั่นป่วนแนวรับ ได้อย่างต่อเนื่องในแบบของเขา [1]

เปรียบเทียบเดอโรซาน vs นักบุกยุคใหม่

  • สไตล์การเล่น
    เดอโรซานเน้น Mid-range isolation หรือการทำแต้ม จากระยะกลางด้วยตัวเอง โดยใช้ฟุตเวิร์กที่แม่นยำ และควบคุมจังหวะ ขณะที่ผู้เล่นยุคใหม่ อย่างเจย์เลน บราวน์ หรือจา โมแรนท์จะเล่นแบบ Slash & Space เจาะวงในเร็ว แล้วกระจายบอล ให้เพื่อนยิงสามแต้ม [2]
  • ความเร็ว
    เดอโรซานไม่ใช่ผู้เล่น ที่เน้นสปีด เขาใช้ความนิ่ง และการอ่านเกม เพื่อหาโอกาสยิงที่มั่นใจ ต่างจากบราวน์ และโมแรนท์ ที่เล่นด้วยสปีดระดับสูง และใช้การเปลี่ยนสปีด เพื่อทำลายแนวรับ
  • การควบคุมเกม
    เดอโรซานควบคุมเกม ด้วยการหยุด เปลี่ยนสปีด และสร้างจังหวะของตัวเอง เขาไม่ต้องการสปีด เพื่อครองเกม แต่ใช้ความเข้าใจ และจังหวะที่ถูกต้อง ขณะที่นักบุกยุคใหม่ มักใช้พลัง และการเคลื่อนที่ที่รวดเร็ว เพื่อบีบให้แนวรับเสียจังหวะ

การเปรียบเทียบนี้ ไม่ได้หมายถึงใครดีกว่า แต่สะท้อนให้เห็นว่าเดอโรซาน กำลังพิสูจน์ว่า “การอยู่รอดในเกม” ไม่จำเป็นต้องกลืนไปกับกระแสเสมอไป หากคุณรู้ว่าคุณเก่งอะไร และเล่นต่อไป ในแบบที่คุณถนัดที่สุด

เมื่อขุนพลเลือดร้อน สวมบทบาทผู้นำที่เยือกเย็น

ขุนพล ผ้าใบแดง

การย้ายมาชิคาโก บูลส์ (Chicago Bulls) คือการเริ่มใหม่อีกครั้งของเดอโรซาน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ ว่าเขากำลังเข้าสู่ปลายอาชีพ แต่มันไม่ใช่การล่าแชมป์ ด้วยซูเปอร์ทีม แต่เป็นการแบกทีม จากกลางตาราง ขึ้นมาสู่การแข่งขัน ที่จริงจัง

ในฤดูกาล 2021–2022 เขาทำสถิติเป็น clutch scorer สูงสุดของลีก ซึ่งหมายถึงการเป็นผู้ทำแต้ม ในช่วงเวลาสำคัญของเกม ได้มากที่สุด หลายเกมในช่วงควอเตอร์สุดท้าย เขาคือคนที่ทีมฝากความหวังไว้ และเขาตอบแทนด้วยความนิ่ง และความแม่นยำ ที่ทำให้ชิคาโก บูลส์อยู่ในระดับการแข่งขันที่จริงจัง [3]

บทบาทของเดอโรซาน ไม่ได้จำกัดแค่ในสนาม แต่ยังรวมถึง การเป็นต้นแบบ ให้กับผู้เล่นรุ่นน้อง อย่างแซค ลาวีน และแพทริค วิลเลียมส์ ที่ได้เรียนรู้ว่าผู้นำ ต้องยืนหยัดในจังหวะที่ทีม ต้องการความมั่นใจ และนั่นคือสิ่งที่เดอโรซาน แสดงให้เห็นทุกครั้ง เมื่อเขายิง mid-range ท่ามกลางความกดดัน

ปัจจุบันที่ยังคงแผดเผา แม้อายุเฉียดปลายทาง

เดอโรซานในวัย 34 ปี ยังคงเป็นผู้เล่นตัวหลัก และแม้ว่าชิคาโก บูลส์จะยังวนเวียน อยู่ในรอบเพลย์อิน แต่เขายังเป็นผู้จุดไฟให้ทีม ในยามที่ดูเหมือนแสงสว่าง จะดับลงแล้ว เขายังทำคะแนนเฉลี่ยเกิน 20 แต้มต่อเกม แสดงให้เห็นว่า เขาไม่ได้อยู่ในสนาม เพราะชื่อเสียงในอดีต แต่เพราะคุณค่าในปัจจุบัน ที่ยังลุกโชน

ศิลปะของความ “ดื้อ”
ในอีกมุมหนึ่ง เดอโรซานคือศิลปิน แห่งความดื้อ ดื้อที่จะไม่เปลี่ยน ดื้อที่จะรักษาเกมแบบ mid-range เอาไว้ ดื้อที่จะใช้ฟุตเวิร์ก มากกว่าระเบิดพลัง แบบสัตว์นักล่าอย่าง หมาป่า

แต่นี่ไม่ใช่ความดื้อแบบหัวรั้น มันคือความเข้าใจ ในจุดแข็งของตนเอง อย่างถ่องแท้ และศรัทธาว่า สิ่งที่เขาทำ ไม่ได้ล้าสมัย แต่เพียงแค่โลกนี้ ยังไม่เข้าใจมันมากพอ

สำหรับผู้เล่นรุ่นใหม่ ที่อยากเดินบนเส้นทางแบบเดอโรซาน

  • จงรู้จักจังหวะของตัวเอง ก่อนจะเร่งตามจังหวะของคนอื่น เหมือนที่เดอโรซาน ไม่เคยฝืนไปเล่นสามแต้ม หากเขาไม่มั่นใจ
  • พัฒนาทักษะพื้นฐาน จนกลายเป็นอาวุธเฉพาะตัว ฟุตเวิร์ก และ mid-range ไม่ใช่แค่ของเก่า แต่คืออาวุธ ที่คนอื่นไม่พร้อมรับมือ
  • อย่ากลัวว่าจะเป็น “คนสุดท้าย” ที่ยังเล่นแบบคลาสสิก เพราะบางครั้ง คนสุดท้าย คือคนที่ยืนยงที่สุด

บทสรุป ขุนพล ผ้าใบแดง กับบทกวีที่เขียนด้วยเหงื่อ

ท้ายที่สุดแล้ว เดอโรซานไม่ได้เขียนเรื่องราวของเขา ด้วยสามแต้ม หรือคลิปไวรัล แต่เขาเขียนมัน ด้วยความนิ่ง ที่สะกดสนาม ความแม่นที่ไม่รีบเร่ง เขาคือขุนพล ผ้าใบแดงที่ยังคงยืนอยู่กลางสนาม และในโลกที่เร่งทุกอย่างให้ไว บางที การหยุดเพื่อยิงกลางระยะ อาจคือการก้าวที่แม่นยำที่สุด ก็เป็นได้

ทำไมสไตล์ mid-range ของเดอโรซานยังมีประสิทธิภาพ ?

เพราะเขาไม่เพียงแค่ยิงแม่น แต่เขาคุมจังหวะได้ราวกับ ผู้กำกับเกม เขาใช้ฟุตเวิร์กอย่างประณีต อ่านแนวรับ แล้วเลือกปล่อยบอล ในระยะที่ฝ่ายตรงข้าม ไม่พร้อมรับมือ ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นที่ทีม พึ่งพาในช่วงเวลาชี้ขาด

ในวัย 34 ปี เดอโรซานยังคงมีอะไรที่น่าจับตามอง ?

แม้จะอยู่ในช่วงปลายอาชีพ แต่เขายังทำแต้มเฉลี่ยเกิน 20 ต่อเกม และยังแบกเกมรุกของชิคาโก บูลส์ไว้อย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่น่าจับตามอง ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือความสม่ำเสมอ และความแน่วแน่ ที่เขาแสดงให้เห็นในทุกเกม

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง