
ต้นกำเนิด หยอหยาน (Yaw-Yan) ศิลปะการต่อสู้ แห่งฟิลิปปินส์ คิดค้นขึ้นโดย Napoleon A. Fernandez ด้วยการอ้างอิงมาจาก การต่อสู้เก่าแก่ในประเทศ ซึ่งเป็นที่นิยมมากๆ ในวงการคิกบ็อกซิงของชาวปินอย ส่วนข้อมูลเพิ่มเติม ศึกษาพร้อมกัน ด้านล่าง
ต้นกำเนิด หยอหยาน ชื่อสองพยางค์นี้ ตัดมาจากประโยค Sayaw ng Kamatayan แปลว่า การเต้นรำแห่งความตาย โดยนำคำสุดท้ายของประโยคแรก Sa (yaw) และประโยคสุดท้าย Kamata (yan) มารวมเป็นชื่อเดียวกัน
บิดาแห่งศิลปะการต่อสู้หยอหยาน คือ Napoleon A. Fernandez หรือ ปรมาจารย์แนป (GM Nap) เป็นชาวเกซอน จากตากาล็อกตอนใต้ ซึ่งเขาเป็นผู้ฝึกจูจุตสึ จีตคุนโด คาราเต้ อาร์นิส ไอคิโด และยูโด ก่อนจะนำเทคนิคต่างๆ มามิกซ์รวมกัน เพื่อให้เข้ากับ ลักษณะทางกาย ของชาวฟิลิปปินส์
หยอหยานถูกฝึกอย่างเป็นทางการ ในปี 1972 ประกอบด้วยการโจมตี การล้ม การจับล็อก ต่อสู้ด้วยมีดและไม้ รวมถึงอุปกรณ์คิกบ็อกซิงอื่นๆ ซึ่งศิลปะนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดัน ให้คิกบ็อกซิงในฟิลิปปินส์ขยายตัว โดยเฉพาะระหว่างปี 1970-1980 และแพร่กระจายทั่วโลก ตั้งแต่ปี 1990 [1]
จนถึงปี 2013 สหพันธ์นานาชาติ Yaw-Yan Fervilleon ก่อตั้งขึ้น กระทั่งวันที่ 30 มกราคม 2018 ปรมาจารย์แนป เสียชีวิตลงในวัย 92 ปี
ระบบใหม่ของหยอหยาน มีชื่อว่า ArDigma มาจากการรวมกัน ของคำว่า Arnis และ Pandigma สร้างขึ้นเพื่อใช้ต่อต้าน การต่อสู้อื่น เช่น จูจุตสึ, มวยปล้ำ โดยใช้ปลายแขน และหน้าแข้ง เพื่อล้มคู่ต่อสู้ หรือฝึกท่าตั้งการ์ด เพื่อโจมตีประชิดตัว [2]
สัญลักษณ์หางเหยียนในหยอหยาน เป็นวงกลมกรอบสีดำ ด้านในฝั่งซ้ายสีขาว ฝั่งขวาเสี้ยวพระจันทร์สีแดง มีวงกลมสีน้ำเงินอยู่ด้านบน ใช้ 3 สี เหมือนธงชาติฟิลิปปินส์ โดยแต่ละส่วน มีความหมายดังนี้
ที่มา: The Seal: the Yaw-Yan-Symbol [3]
ในฟิลิปปินส์
ต่างประเทศ
หรือคลิกอ่านรายละเอียด ของแต่ละสถาบันเพิ่มเติมที่ได้ Yaw-Yan Fervilleon International Federation
เป็นอันว่า ต้นกำเนิดหยอหยาน เกิดขึ้นจากปรมาจารย์แนป ชาวเกซอน ผู้ฝึกศิลปะต่อสู้หลายแขนง แล้วนำมาดัดแปลง ให้เข้ากับคนฟิลิปปินส์ มีระบบใหม่อย่างอาร์ดิกม่า โดยฝึกฝนหลักการ ตามความหมายของสัญลักษณ์หางเหยียน ซึ่งสถาบันเปิดสอน ที่ถูกรองรับ ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ
เทคนิคที่รุนแรง ที่สุดของหยอหยาน เรียกว่า การแตะแบบพายุภูเขา ซึ่งไม่ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้คิดค้น หรือเริ่มใช้เมื่อไหร่ แต่การเตะนี้ มีประสิทธิภาพมากกว่า การเตะวงกลมของคาราเต้ แต่คล้ายกับการเตะของมวยไทย
ซึ่งท่าทาง คือ ขาจะยกขึ้นด้วยแรงเต็มที่ แล้วเตะลงตรงหน้าแข้ง พร้อมกับบิดสะโพก ส่งผลให้กระดูกต้นขา ขากรรไกร รวมถึงซี่โครงของอีกฝ่ายหักได้ และอีกหนึ่งเอกลักษณ์ เรียกว่า หมัดโบโล (bolo punches) เป็นการโจมตีจาก 12 ทิศทาง มีต้นแบบมาจาก ศิลปะการต่อสู้อาร์นิส
หยอหยานอาร์ดิกม่า กับมวยไทย มีท่าทางการยืนคล้ายกัน แต่หยอหยานเน้นโจมตีระยะไกลกว่า และมีการจับล็อกน้อยกว่า ในขณะที่มวยไทย จุดเด่นคือโจมตีใกล้ตัว เน้นอาวุธมือเปล่า จับล็อกตีเข่าหรือตีศอก