
ทำไมคนถึงเล่น คาสิโน ทั้งที่รู้ว่าจะแพ้ ต้องวิเคราะห์
- โอนลี่มี
- 5 views

ทำไมคนถึงเล่น คาสิโน ทั้งที่รู้ว่าจะแพ้ รู้ทั้งรู้ว่าโอกาสชนะมีน้อย แต่หลายคนยังกลับไปเสี่ยงซ้ำ บางคนหมดตัว บางคนเสียเวลา แต่กลับรู้สึก “ยังไหว” นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่มันคือเรื่องของสมอง ความหวัง และความเชื่อบางอย่างที่ฝังลึก เพราะสมองมนุษย์ตอบสนองต่อ “เกือบชนะ” และรางวัลแบบสุ่มได้รุนแรงกว่าความพ่ายแพ้ ทำให้เกิดแรงจูงใจเทียม ที่ผลักให้เล่นซ้ำแม้รู้ว่าเสี่ยง
- แรงจูงใจเบื้องต้น
- พฤติกรรมเสพติด และความเชื่อผิด ๆ
- กลไกทางจิตวิทยา
แรงจูงใจเบื้องต้น ความหวังและความฝัน
ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 หรือ ช่วงโควิด-19 ปี 2563–2565 จำนวนผู้หันหน้าเข้าสู่การพนันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในรูปแบบออนไลน์ (9 กรกฎาคม 2018) [1] เพราะตกงาน ขาดรายได้ และมองว่าคาสิโนคือทางลัดสู่เงินก้อนโต ความหวังว่าจะ “พลิกชีวิต” กลายเป็นแรงจูงใจที่เหนือเหตุผล แม้จะรู้ว่าโอกาสชนะจริง ๆ นั้นต่ำมาก
อีกแรงผลักคือความเชื่อว่า “ครั้งหน้าอาจโชคดี” หรือ Gambler’s Fallacy ความเข้าใจผิดว่าการแพ้ติดกันหลายครั้งจะเพิ่มโอกาสชนะในรอบถัดไป ผู้เล่นจึงเติมเงินซ้ำด้วยหวังว่าจะได้คืน และเมื่อเห็นคนอื่นชนะจริงในโซเชียล ก็ยิ่งเชื่อว่า “ฉันอาจเป็นคนต่อไป”
แรงจูงใจเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากความไม่รู้ แต่เกิดจาก ความหวังที่ถูกกระตุ้นซ้ำ ๆ ผ่านภาพฝัน การตลาดของเว็บพนัน และประสบการณ์เฉียดชนะที่ทำให้สมองหลั่ง โดปามีน (dopamine) ซึ่งเป็นสารเคมีแห่งความสุขและการคาดหวัง นี่คือเหตุผลที่แม้จะรู้ว่าแพ้ แต่หลายคนก็ยังกลับไปเล่นซ้ำ เพราะสมองจดจำความรู้สึก “เกือบได้” มากกว่าความพ่ายแพ้จริง ๆ
พฤติกรรมเสพติด ทำไมหยุดไม่ได้
- เล่นซ้ำเพื่อ “ล้างความผิดพลาด” ผู้เล่นมักรู้สึกว่า “ต้องเอาคืน” หลังจากแพ้ จึงเติมเงินและเล่นต่อเพื่อแก้มือ เรียกว่า Chasing Losses
- สมองจดจำความรู้สึก “เกือบชนะ” มากกว่าความพ่ายแพ้ ทำให้เกิดความหวังซ้ำ ๆ ว่าครั้งหน้าจะสำเร็จ เกี่ยวข้องกับการหลั่ง dopamine
- ความเคยชินกับสภาพแวดล้อมคาสิโน หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ เสียง สี และรูปแบบเกมถูกออกแบบให้กระตุ้นการเล่นซ้ำ คล้ายกับการเสพติดเกม หรือโซเชียลมีเดีย
- ใช้การพนันเป็นทางหนีจากความเครียดหรือปัญหาชีวิต เช่น ปัญหาการเงิน ความสัมพันธ์ หรือความเบื่อหน่าย การพนันกลายเป็น “ที่พึ่งทางใจชั่วคราว”
- ขาดแรงสนับสนุนจากครอบครัว หรือสังคม ทำให้ไม่มีแรงต้าน หรือคำเตือนจากคนรอบข้าง ส่งผลให้พฤติกรรมเสพติดยิ่งฝังลึก
ความเชื่อผิด ๆ ที่ทำให้เล่นต่อ
- “ระบบจะคืนทุนให้ฉัน” เชื่อว่าหลังจากเสียไปมาก ระบบจะปรับให้ชนะเพื่อคืนทุน ทั้งที่เกมใช้ระบบสุ่มที่ไม่จดจำผลลัพธ์ก่อนหน้า
- “ฉันมีสูตรลับ” มั่นใจในเทคนิคหรือสูตรที่ไม่มีหลักฐานรองรับ เช่น สูตรเดินเงินหรือสูตรจับจังหวะสล็อต
- “ครั้งก่อนแค่ดวงไม่ดี ครั้งนี้ต้องได้” มองความพ่ายแพ้เป็นเรื่องชั่วคราว และเชื่อว่าดวงจะกลับมา ทั้งที่โอกาสชนะยังคงเท่าเดิมทุกครั้ง
- “คนอื่นชนะได้ ฉันก็ต้องได้บ้าง” เห็นโพสต์โชว์กำไรในโซเชียลแล้วเกิดแรงบันดาลใจเทียม โดยไม่รู้ว่าคนส่วนใหญ่แพ้แต่ไม่โพสต์
- “ถ้าเลิกตอนนี้ เท่ากับยอมแพ้” ความรู้สึกว่าเลิกเล่นคือ การยอมรับความพ่ายแพ้ ทำให้ฝืนเล่นต่อแม้จะเสียมากขึ้น
- เล่นพนันบนมือถือ จะถูกตำรวจจับไหม หลายคนเชื่อว่าเล่นเงียบ ๆ ผ่านมือถือจะไม่เป็นไร ทั้งที่จริงแล้วหากมีหลักฐานการเล่นหรือธุรกรรม อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายและถูกดำเนินคดีได้ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ AdvanceRanking
กลไกทางจิตวิทยา สมองกับการพนัน
แม้จะรู้ว่าแพ้ แต่ทำไมหลายคนยังกลับไปเล่นซ้ำ? คำตอบอยู่ในสมอง เมื่อผู้เล่น “เกือบชนะ” เช่น ได้สัญลักษณ์ตรงกัน 2 จาก 3 ช่องในสล็อต สมองจะหลั่ง dopamine ซึ่งกระตุ้นความหวัง และความตื่นเต้น แม้ไม่ได้รางวัลจริง แต่ความรู้สึกเฉียดชนะนั้น ทรงพลังพอจะผลักให้เล่นต่อ
ในช่วงปี 2551–2554 หลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก (แฮมเบอร์เกอร์) มีการศึกษาพฤติกรรมการพนันในไทย พบว่าคนไทยกว่า 77% เคยเล่นพนัน โดยหวยใต้ดิน และคาสิโนออนไลน์ เริ่มแพร่หลายอย่างรวดเร็ว
ผู้เล่นจำนวนมากตกอยู่ใน Illusion of Control เชื่อว่าตนควบคุมผลลัพธ์ได้ (และ Loss Aversion ยิ่งเสียยิ่งอยากเอาคืน เพราะความเจ็บปวดจากการสูญเสีย รุนแรงกว่าความสุขจากการได้มา (23 กันยายน 2024) [2]
เชื่อว่าควบคุมผลได้ (Illusion of Control)

ปี 1979 – Dr. Reid Hastie และ Dr. Reid Montgomery ศึกษาพฤติกรรมผู้เล่นที่ “เกือบชนะ” ในสล็อตแมชชีน พบว่าความเฉียดชนะกระตุ้นให้เล่นซ้ำ แม้ไม่ได้รางวัลจริงก็ตาม เพราะสมองหลั่ง dopamine ใกล้เคียงกับการชนะจริง การค้นพบนี้กลายเป็นพื้นฐานให้คาสิโนออกแบบเกมให้มี “near miss” เพื่อเร่งพฤติกรรมเสพติด
แม้เกมคาสิโนจะอิงกับระบบสุ่ม แต่ผู้เล่นมักรู้สึกว่าตนมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ เช่น การเลือกเลขเอง การกดหยุดสล็อตเอง หรือการใช้สูตรบาคาร่า ความรู้สึกนี้เรียกว่า Illusion of Control ภาพลวงตาว่าตนควบคุมสิ่งที่ควบคุมไม่ได้จริง ๆ นักจิตวิทยา Ellen Langer จาก Harvard เป็นผู้ตั้งชื่อปรากฏการณ์นี้ และพบว่ามีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการพนันอย่างชัดเจน (28 ธันวาคม 2024) [3]
ความรู้สึก เกือบชนะ และยิ่งเสีย ยิ่งอยากเอาคืน
- Dopamine กับความรู้สึก “เกือบชนะ” เมื่อผู้เล่นคาสิโน “เกือบชนะ” เช่น ได้สัญลักษณ์ตรงกัน 2 จาก 3 ช่องในสล็อต สมองจะหลั่ง dopamine ซึ่งเป็นสารเคมีแห่งความสุขและการคาดหวัง แม้จะไม่ได้รางวัลจริง แต่ความรู้สึกตื่นเต้นนั้นจะกระตุ้นให้เล่นต่อ เพราะสมองจดจำ “ความหวัง” มากกว่าความพ่ายแพ้ นี่คือเหตุผลที่คาสิโนออกแบบเกมให้มี “near miss”
- Loss Aversion “ยิ่งเสีย ยิ่งอยากเอาคืน” มนุษย์มีแนวโน้ม “กลัวการสูญเสีย” มากกว่าความยินดีจากการได้มา โดยเฉลี่ยแล้ว ความเจ็บปวดจากการเสียเงิน 100 บาท จะรุนแรงกว่าความสุขจากการได้มา 100 บาทถึง 2 เท่า เมื่อผู้เล่นเสียเงินไปแล้ว สมองจะผลักดันให้ “เล่นต่อ” เพื่อเอาคืน เพราะไม่อยากยอมรับความสูญเสีย นี่คือกับดักที่ทำให้หลายคนเล่นต่อแม้รู้ว่าโอกาสชนะต่ำ
สรุปแล้ว ทำไมคนถึงเล่น คาสิโน ทั้งที่รู้ว่าจะแพ้
โดยสรุป ทำไมคนถึงเล่นคาสิโน ทั้งที่รู้ว่าจะแพ้ เพราะสมองจดจำความหวังมากกว่าความพ่ายแพ้ และเมื่อความเชื่อผิด ๆ ผสมกับความเครียด การพนันจึงกลายเป็นทางหนีที่ยากจะถอนตัว ยิ่งเล่น ยิ่งเสีย ยิ่งอยากเอาคืน จนกลายเป็นวงจรที่หลอกให้เชื่อว่า “ครั้งหน้าจะดีขึ้น”
ทำไมยิ่งเสีย ยิ่งอยากเล่นต่อ?
เพราะมนุษย์กลัวการสูญเสีย มากกว่าชอบการได้มา นี่คือหลัก Loss Aversion ที่ผลักให้ “เอาคืน” ผู้เล่นจึงเติมเงินซ้ำเพื่อแก้มือ แม้จะเสี่ยงกว่าเดิม กลายเป็นวงจรที่ยากจะหยุด โดยไม่มีแรงต้านจากภายนอก
จะหยุดเล่นได้อย่างไรในเมื่อสมองถูกกระตุ้นให้เล่นต่อ?
เริ่มจากการ “รู้ทัน” กลไกที่หลอกให้เล่นซ้ำ หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่กระตุ้น เช่นเสียง สี หรือโซเชียล หาทางระบายความเครียดที่ไม่ใช่การพนัน เช่นออกกำลังกาย และขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัวหรือผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น
- Tags: ออนไลน์
แหล่งอ้างอิง


