
หากคุณคิดว่า บราซิลเลียนยิวยิตสู คือ การต่อสู้มีแค่การยืนชกและเตะ อาจจะต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ เพราะมีศิลปะการป้องกันตัวแขนงหนึ่ง ที่ให้ความสำคัญ กับการพาคู่ต่อสู้ลงสู่พื้น และ ควบคุมสถานการณ์ อย่างสมบูรณ์แบบ
บราซิลเลียนยิวยิตสู (Brazilian Jiu-Jitsu หรือ BJJ) ศิลปะการต่อสู้ แบบไม่ใช้อาวุธ และกีฬาแข่งขัน ที่พัฒนาจาก ยิวยิตสูญี่ปุ่นและยูโด โดยมีจุดเด่น ในการต่อสู้ จับล็อกบนพื้น และการควบคุมคู่ต่อสู้ จากด้านบน เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นักสอนญี่ปุ่นชื่อ มิตสึโยะ มาจิเดะ (Mitsuyo Maeda)
เดินทางมาสอนศิลปะ การต่อสู้ในบราซิล ครอบครัวเกรซีนำไปปรับปรุง ให้เหมาะกับผู้ฝึกที่ตัวเล็ก และพัฒนาระบบล็อก และ leverage ที่เป็นเอกลักษณ์ ต่อมา BJJ เริ่มแพร่หลายสู่ต่างประเทศ ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980-1990 ผ่านการแข่งขัน MMA (Mixed Martial Arts) และการสอนโดยครอบครัวเกรซี (9 พฤศจิกายน 2024) [1]
ที่มา: (Brazillian Jiu-Jitsu) ประสิทธิภาพในการต่อสู้จริง (5 เมษายน 2022) [2]
เริ่มมีการกำหนด การแบ่งสายเข็มขัด อย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 1967 (Belt Ranking System) เพื่อแสดงระดับความชำนาญ และประสบการณ์ของผู้ฝึก โดยเข็มขัดแต่ละสี สะท้อนทั้งความรู้ ทางเทคนิคการต่อสู้ มีดังนี้ เริ่มจาก เข็มขัดสีขาว (White Belt) ระยะเวลาเฉลี่ย 1–2 ปีแรก ของการฝึก สำหรับผู้เริ่มต้น ที่ยังเรียนรู้พื้นฐาน ต่อด้วย สีน้ำเงิน (Blue Belt) ที่แสดงถึงความเข้าใจเทคนิคหลัก
และสามารถประยุกต์ได้จริง จากนั้น สีม่วง (Purple Belt) สำหรับผู้ฝึกที่เชี่ยวชาญ และเข้าใจเชิงลึกของการควบคุมคู่ต่อสู้ ต่อไปคือ สีน้ำตาล (Brown Belt) ที่เป็นขั้นสูงก่อนถึง ระยะเวลาเฉลี่ย 6–8 ปี หลังเริ่มฝึก สีดำ (Black Belt) ซึ่งเป็นระดับสูงสุด สำหรับนักฝึกที่มีความชำนาญเต็มรูปแบบ ทั้งทักษะการวางกลยุทธ์ (1 สิงหาคม 2025) [3]
และปรัชญาการต่อสู้ของ BJJ ผู้ฝึกส่วนใหญ่ต้องใช้ เวลา 8–12 ปี ถึงจะถึงเข็มขัดสีดำ และบางครั้งจะมี เข็มขัดแดง-ดำ หรือแดง สำหรับผู้ฝึกระดับปรมาจารย์
การฝึกบราซิลเลียนยิวยิตสู เหมาะกับผู้ที่มีความตั้งใจฝึกฝน อดทน เนื่องจากต้องเรียนรู้เทคนิคอย่างละเอียด ทั้งการล็อก การควบคุม และการพลิกตัวบนพื้น นอกจากนี้ ยังช่วยพัฒนาความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และสมาธิ
ผู้เข้าฝึกไม่จำเป็นต้องมี พื้นฐานศิลปะการต่อสู้มาก่อน เพราะสามารถปรับระดับ ความยากง่าย ให้เหมาะสมกับผู้เริ่มต้น ผู้ฝึกสามารถเริ่มได้ตั้งแต่วัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิง
อีกคุณสมบัติสำคัญคือ ความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของตนเองและคู่ฝึก เพราะการล็อกและ submission อาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากไม่ควบคุมแรง การเคารพกติกา และคู่ฝึกจึงเป็นสิ่งจำเป็น
สรุป บราซิลเลียนยิวยิตสู คือ ศิลปะการต่อสู้ที่เน้น การใช้เทคนิค และกลยุทธ์บนพื้น เพื่อควบคุมคู่ต่อสู้ สร้างความได้เปรียบ ทั้งผู้ฝึกเรียนรู้ทั้งล็อกข้อ พลิกตัว และการทำห่วงคอ โดยไม่ต้องพึ่งพาแรงกายมาก
ยูโด คืออะไร เน้นการทุ่ม และควบคุมจากการยืน ส่วนบราซิลเลียนยิวยิตสู มุ่งไปที่การต่อสู้บนพื้น และการทำ submission เช่น ล็อกข้อหรือห่วงคอ ยูโดมักจบเกมเมื่อทุ่มสำเร็จ หรือคุมได้ระยะสั้น ขณะที่บราซิลเลียนยิวยิตสู เน้นการครองตำแหน่ง และหาทางทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย และกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ โดยเฉพาะแขน ขา ลำตัว และแกนกลาง ยังช่วย พัฒนาความยืดหยุ่น ทรงตัว และความคล่องตัว ในการเคลื่อนไหวบนพื้น