
ประวัติ กังฟู ไม่ได้เป็นเพียงเทคนิค การต่อสู้เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง ปรัชญา วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวจีน มายาวนานหลายร้อยปี ตั้งแต่การฝึกในวัดเส้าหลิน ไปจนถึงการแพร่หลายสู่ทั่วโลก
ต้นกำเนิดของ ศิลปะการต่อสู้ แบบไม่ใช้อาวุธ ของจีน มีรากฐานมาจากความจำเป็น ในการป้องกันตัว การล่าสัตว์ และการฝึกทหารในสมัยโบราณ การต่อสู้ทั้งแบบมือเปล่า และการใช้อาวุธ ถือเป็นทักษะสำคัญ สำหรับทหารจีนในยุคนั้น ตามตำนานเล่ากันว่า ศิลปะการต่อสู้ของจีน เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัย ราชวงศ์เซี่ย เมื่อกว่า 4,000 ปีก่อน โดยมี จักรพรรดิเหลือง (หวงตี้) ผู้ปกครองในปี 2698 ก่อนคริสตกาล
เป็นผู้วางรากฐานระบบ การต่อสู้ที่เก่าแก่ที่สุด ของจักรพรรดิเหลือง นอกจากจะเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ยังได้เขียนงานด้านการแพทย์ โหราศาสตร์ และศิลปะการต่อสู้ไว้มากมาย ศัตรูสำคัญของพระองค์คือ ชีโหยว (Chi You) ผู้ที่ต่อมาถูกยกย่องให้เป็นบรรพบุรุษแห่ง “เจียวตี้” ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิด ของศิลปะมวยปล้ำจีน ในยุคปัจจุบัน (2018-2025) [1]
กังฟูเหนือ มีต้นกำเนิดในภาคเหนือของจีน มักเน้น ท่วงท่ากว้าง แข็งแรง เตะสูง ผู้ฝึกต้องมีความยืดหยุ่นสูง ใช้ท่าทางที่ยาว และพลิ้วไหว รวมถึงการเคลื่อนไหว แบบเปิดกว้าง ตัวอย่างสำนักเหนือ เช่น เส้าหลินเหนือ และสไตล์หยูชุน
กังฟูใต้ มาจากภาคใต้ของจีน มีลักษณะเด่นคือ ท่าทางมั่นคงต่ำ เน้นการเคลื่อนไหวช้า แข็งแรง การฝึกเน้นการยืนต่ำ ท่าเตะไม่สูง แต่โฟกัสที่ความมั่นคง การโจมตีรวดเร็ว และการใช้มือ และหมัดมากกว่า ตัวอย่างสำนักใต้ เช่น ฮกเกี้ยน หรือต้นสำนักเส้าหลินใต้
ที่มา: กังฟู (7 มิถุนายน 2025) [3]
การฝึกกังฟูทุกวัน ไม่ได้เป็นเพียงการเรียนรู้ท่าทาง หรือการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกทั้งร่างกาย และจิตใจอย่างครบวงจร การฝึกอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย (ผู้ฝึกกังฟู 12 สัปดาห์ขึ้นไป สามารถเพิ่มกำลังขาได้เฉลี่ย 15–20%), ความยืดหยุ่น (เพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวเฉลี่ย 10–15%), และ การทรงตัว (ลดความเสี่ยงการล้มในผู้สูงอายุได้ถึง 30%)
นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้ กล้ามเนื้อและข้อต่อแข็งแรงขึ้น, ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ จากการออกกำลังกายประเภทอื่น และเพิ่มสมรรถภาพทางกาย เช่น ผู้ฝึกกังฟู 6 เดือนขึ้นไป สามารถเพิ่มความทนทาน ของหัวใจและปอด ได้ประมาณ 12–18%
เส้นทางของ กังฟูสู่ภาพยนตร์ เริ่มจากการเป็น ศิลปะการต่อสู้ของจีน ที่ฝึกเพื่อป้องกันตัว และพัฒนาสมาธิ ก่อนที่จะถูกนำมาใช้ ในการแสดงโชว์ ละครพื้นบ้าน ต่อมาในทศวรรษ 1960 – 1970 ฮ่องกงเริ่มสร้าง ภาพยนตร์กังฟูสากล ที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยมีนักแสดงระดับตำนานอย่าง บรูซ ลี (Bruce Lee) ที่ทำให้กังฟูกลายเป็นสัญลักษณ์ ของความแข็งแกร่ง และปรัชญาชีวิต
หลังจากนั้น นักแสดงเช่น เฉินหลง (Jackie Chan), เจ็ท ลี (Jet Li), ดอนนี่ เยน (Donnie Yen) ได้นำกังฟูไปผสมกับการแสดงสตันท์ คอมเมดี้ ทำให้เกิดแนวภาพยนตร์แอ็กชันกังฟู ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ปัจจุบัน กังฟูยังถูกนำเสนอใน ภาพยนตร์, ซีรีส์, แอนิเมชัน และเกม
สรุป ประวัติ กังฟู คือ ศิลปะการต่อสู้จีนโบราณที่ผสมผสาน ร่างกาย จิตใจ และสมาธิ ฝึกเพื่อป้องกันตัว เสริมสุขภาพ และพัฒนาพลังชีวิต (ชี่) มีหลายสำนักและสไตล์
กังฟู ไม่จำกัดอายุ ผู้ฝึกสามารถเริ่มตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่ เพราะการฝึกกังฟู สามารถปรับให้เหมาะกับ ระดับร่างกาย และความแข็งแรง ของแต่ละคน เด็กๆ จะได้พัฒนากล้ามเนื้อ, ความยืดหยุ่น และสมาธิ ส่วนผู้ใหญ่สามารถฝึกเพื่อ เสริมสุขภาพ, ฝึกสมาธิ และลดความเครียด
แน่นอนว่า ผู้ที่ไม่มีทักษะมาก่อน ก็สามารถเรียนกังฟูได้ การฝึกเริ่มจากท่าพื้นฐาน การทรงตัว และการเคลื่อนไหวช้าๆ เพื่อสร้างความแข็งแรงของร่างกาย