ประวัติ คิกบ็อกซิ่ง จากสังเวียนสู่กระแสหลัก

ประวัติ คิกบ็อกซิ่ง

เคยสงสัยไหมว่า ประวัติ คิกบ็อกซิ่ง ศิลปะการต่อสู้ ที่รวมเอาหมัดอันหนักหน่วง ของมวยสากล เข้ากับลูกเตะที่รุนแรง แม่นยำของคาราเต้ และมวยไทยนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร

  • จุดกำเนิดคิกบ็อกซิ่ง มีเบื้องหลังที่คุณอาจไม่รู้
  • วิวัฒนาการต่อสู้ สู่สากล ได้อย่างไร?
  • กติกามีอะไรบ้าง?

กำเนิดคิกบ็อกซิ่ง และจุดเริ่มต้นที่ไม่คาดคิด

คิกบ็อกซิ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ ที่ผสมผสาน หมัดจากมวยสากล และ ลูกเตะจากมวยตะวันออกเข้าด้วยกัน แต่จุดเริ่มต้นของคิกบ็อกซิ่งนั้น กลับไม่ธรรมดา เพราะไม่ได้เกิดขึ้น จากความตั้งใจ จะสร้างกีฬาสากลใหม่ แต่เกิดจากความพยายาม ในการพัฒนารูปแบบ การต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ต้นกำเนิดของคิกบ็อกซิ่ง มักถูกระบุว่า เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ช่วงปลายทศวรรษ 1950 – 1960 เมื่อผู้ฝึกสอน และนักมวยเริ่มผสมผสาน เทคนิคมวยตะวันตก กับศิลปะการต่อสู้แบบญี่ปุ่น เช่น คาราเต้ เพื่อสร้างระบบที่ใช้ได้ ทั้งในสนามแข่ง และการต่อสู้จริง (15 มกราคม 2025) [1] 

สิ่งที่ทำให้คิกบ็อกซิ่งแตกต่างคือ ความเรียบง่าย และตรงไปตรงมาของเทคนิค ผู้ฝึกสามารถใช้หมัด เตะ เข่า และศอกได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กีฬานี้ กลายเป็นที่นิยม ในวงการศิลปะการต่อสู้สากล และต่อมาได้แพร่หลายไปทั่วโลก 

ผู้บุกเบิกคิกบ็อกซิ่ง คือใคร ?

บุกเบิกคิกบ็อกซิ่ง ที่มักถูกกล่าวถึงมีหลายคน แต่คนสำคัญที่มักถูกยกย่องคือ โอซามุ โนกุจิ (Osamu Noguchi) ชาวญี่ปุ่น

  • เขาเป็นนักโปรโมต และผู้ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ ที่มองเห็นโอกาส ในการพัฒนารูปแบบ การชกใหม่
  • ในช่วงปลายทศวรรษ 1950 – 1960 โอซามุเริ่มผสมผสาน เทคนิคจากมวยฝรั่ง และคาราเต้ เพื่อสร้างระบบการต่อสู้ ที่ตรงไปตรงมา และเหมาะกับการแข่งขัน
  • เขายังเป็นผู้ริเริ่ม จัดการแข่งขันคิกบ็อกซิ่งในญี่ปุ่น ทำให้เกิดกีฬา ที่มีกติกามาตรฐาน ระบบการตัดสิน ก็ชัดเจนมากขึ้น

ที่มา: Osamu Noguchi (20 พฤษภาคม 2025) [2]

วิวัฒนาการของคิกบ็อกซิ่ง สู่สากล เป็นอย่างไร ?

คิกบ็อกซิ่งไม่ได้หยุดอยู่เพียงในญี่ปุ่น หรือเอเชียตะวันออก แต่ได้รับการพัฒนา ปรับตัวจนกลายเป็น กีฬาสากล ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก หลังจากยุคทองในทศวรรษ 1970 – 1980 นักสู้และผู้จัดการแข่งขัน เริ่มสร้างกฎกติกามาตรฐาน เพื่อให้เหมาะกับการแข่งขัน ระหว่างประเทศ

หนึ่งในจุดสำคัญคือ การแลกเปลี่ยนเทคนิค ระหว่างนักสู้จากหลายประเทศ นักมวยไทย นักคาราเต้ญี่ปุ่น และนักมวยฝรั่งฝึกซ้อม แข่งขันร่วมกัน ทำให้เกิดการผสมผสาน วิธีชกที่ครบเครื่อง ทั้งหมัด เตะ เข่า และศอก ทำให้คิกบ็อกซิ่ง กลายเป็น ศิลปะการต่อสู้ แบบไม่ใช้อาวุธ ที่มีประสิทธิภาพสูง

แต่ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 – 1990 มีการจัดตั้ง องค์กรคิกบ็อกซิ่งสากล เช่น WKA (World Kickboxing Association) และ IKBF (International Kickboxing Federation) เพื่อกำหนดกติกา การให้คะแนน และมาตรฐานการแข่งขัน ทำให้กีฬานี้ สามารถแข่งขันข้ามประเทศ ได้อย่างเป็นระบบ

คิกบ็อกซิ่ง ไม่ได้จำกัดแค่ในสังเวียน 

ประวัติ คิกบ็อกซิ่ง

ปัจจุบันคิกบ็อกซิ่ง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ การแข่งขันในสังเวียนเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่า เป็นศิลปะการต่อสู้ เพื่อสุขภาพและฟิตเนส เพราะหลายคนฝึกคิกบ็อกซิ่ง เพื่อเสริมความแข็งแรงของร่างกาย เพิ่มความคล่องตัว และฝึกสมาธิ นอกจากนี้ คิกบ็อกซิ่งยังถูกผสมผสาน เข้ากับการฝึกแบบกลุ่ม เช่น คลาสฟิตเนส หรือโปรแกรมออกกำลังกายแบบ HIIT ทำให้เข้าถึงผู้คนได้กว้างขึ้น (20 มีนาคม 2020) [3]

ในด้านการแข่งขัน คิกบ็อกซิ่งยุคใหม่ มีเวทีระดับโลก และการจัดแข่งขันในหลายประเทศ โดยมีการปรับกติกา และแบ่งสไตล์ เช่น Full Contact, Low Kick, K-1 Rules เพื่อให้เหมาะกับผู้เข้าแข่งขัน แต่ละประเภท นอกจากนี้ การเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ทำให้แฟนๆ สามารถติดตามนักสู้ และเทคนิคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

กติกาคิกบ็อกซิ่ง มีอะไรบ้าง ?

1. เวลาการแข่งขัน : การชกแบ่งเป็น ยกๆ ละ 2–3 นาที พักระหว่างยก 1 นาที การชกอยู่ใน สังเวียนมีเชือกล้อมรอบ
2. ท่าที่ใช้ได้ : ใช้ หมัดและลูกเตะ เป็นหลัก บางรุ่นอนุญาตใช้ เข่าและศอก ห้ามจับล็อกหรือทุ่ม เหมือนมวยปล้ำ
3. การให้คะแนน : คะแนนพิจารณาจาก ความแม่นยำ ความรุนแรง และเทคนิค น็อคเอาต์ (KO) หรือผู้ชกต่อไม่ได้ อีกฝ่ายชนะทันที
4. สิ่งที่ห้ามทำ : เตะหรือต่อยต่ำกว่าช่วงเอว ใช้อวัยวะอื่นนอกจากหมัด ลูกเตะ (หรือเข่า/ศอกตามกฎ) ใช้ท่าที่อันตรายเกินไป เช่น ล็อกแล้วกระแทกพื้น
5. อุปกรณ์ป้องกัน : ถุงมือมวย ตามขนาดกติกา ฟันยาง สนับแข้ง/ศอก อุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ เพื่อความปลอดภัย

คิกบ็อกซิ่ง มีเกณฑ์การตัดสินอย่างไร ?

  • คะแนนจากกรรมการ : การชกแต่ละยก จะมีกรรมการให้คะแนนตาม ความแม่นยำ ความรุนแรง และเทคนิค ผู้ที่ชกครบเครื่อง ใช้หมัด – ลูกเตะ ได้แม่นยำ มักได้คะแนนสูง
  • การชนะด้วยน็อคเอาต์ (KO) : หากนักสู้ฝ่ายใด ถูกน็อคเอาต์ หรือไม่สามารถชกต่อได้ อีกฝ่ายชนะทันที การน็อคเอาต์ถือเป็นวิธีชนะ ที่ชัดเจนที่สุด
  • การชนะด้วยทีเคโอ (TKO) : หากกรรมการเห็นว่า นักสู้ไม่สามารถ ป้องกันตัวเองได้ อย่างปลอดภัย หรือบาดเจ็บรุนแรง การชกจะหยุด และอีกฝ่ายชนะแบบ TKO
  • คะแนนรวมจากยกทั้งหมด : หากจบครบยกโดยไม่มี KO หรือ TKO กรรมการรวมคะแนนทุกยก เพื่อหาผู้ชนะ
  • สิ่งที่เสียคะแนน : การใช้ท่าผิดกฎ เช่น เตะต่ำเกินไป ต่อยหลังศีรษะด้านหลัง การทำผิดซ้ำหลายครั้ง หรือประพฤติไม่แฟร์

ภาพรวมของ ประวัติ คิกบ็อกซิ่ง

สรุป ประวัติ คิกบ็อกซิ่ง เป็น ศิลปะการต่อสู้ครบเครื่อง ที่เน้นหมัด และลูกเตะ แข่งขันได้ทั้ง มือสมัครเล่น มืออาชีพ มีกฎชัดเจน ปลอดภัย มีการแข่งขันทั้งในไทยและสากล ผู้สนใจสามารถเริ่มฝึก เข้าร่วมการแข่งขัน ได้ทุกระดับ

การแข่งขัน แบ่งประเภทน้ำหนัก หรือรุ่นอย่างไร ?

การแข่งขันคิกบ็อกซิ่งแบ่ง ตามน้ำหนักนักสู้ เพื่อความเท่าเทียม และแฟร์ในการแข่งขัน แต่ละรุ่นมี น้ำหนักกำหนดชัดเจน เช่น รุ่นเบา, รุ่นกลาง, รุ่นหนัก ขึ้นอยู่กับกฎ ของแต่ละรายการ นักสู้จะเข้าร่วมตามน้ำหนักจริง ของตนก่อนชก เพื่อให้แข่งขันอย่างยุติธรรม และปลอดภัย

นักสู้ไทยคนใดที่ถือเป็นตำนาน ในคิกบ็อกซิ่งระดับสากล ?

นักสู้ไทยที่เป็นตำนาน เช่น สมจิตร จงจอหอ เขาโดดเด่น ทั้งในรายการ K-1 และการแข่งขันสากลอื่นๆ ซึ่งเป็นตัวแทนความสามารถ ของนักสู้ไทย ที่ผสมผสานมวยไทย และคิกบ็อกซิ่งครบเครื่อง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง