ผักที่ดี ต่อไต กินอย่างไร ให้ไตแข็งแรง

ผักที่ดี ต่อไต

ผักที่ดี ต่อไต เป็นคำที่หลายคนอาจเริ่มได้ยินบ่อยขึ้น เมื่อสุขภาพไตเริ่มกลายเป็นประเด็นที่ใครๆ ก็ให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตหรือเสี่ยงต่อภาวะไตเสื่อม การเลือกกินอาหารจึงไม่ใช่แค่เรื่องอร่อยแต่ต้องคำนึงถึงการทำงานของไตด้วย

  • ผักสำหรับคนเป็นโรคไต
  • โพแทสเซียมกับโรคไตเกี่ยวข้องกันยังไง
  • การดูแลเรื่องการกินของคนเป็นโรคไต

ผักใบเขียวที่ดีต่อไต คัดสรรอย่างไรให้เหมาะ

หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีผักบางชนิดที่เป็นมิตรกับไต และบางชนิดก็อาจไปกระตุ้นให้ไตทำงานหนักขึ้น ถ้าเราเข้าใจว่าผักชนิดไหนเหมาะสม เราก็สามารถเสริมสุขภาพไตได้ด้วยวิธีง่ายๆ ในจานอาหารทุกวัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับผักที่ดีกับไต พร้อมคำแนะนำที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน อยากดูแลไตให้ดีจากภายใน เริ่มต้นที่จานผักของคุณเลยค่ะ

ผักใบเขียวเป็นกลุ่มผักที่เรากินกันบ่อยในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลายชนิดก็ถือว่าเป็น ผักที่ดี เพราะมีโพแทสเซียมต่ำ ช่วยลดภาระการกรองของไตได้ แต่ก็ต้องระวังผักบางชนิดที่มีโพแทสเซียมสูงเกินไป อาทิ ผักโขม หรือผักปวยเล้ง ที่อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต

ผักที่ควรเลือก ได้แก่ ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน และผักคะน้าในปริมาณพอเหมาะ ซึ่งจะให้สารอาหารและกากใยที่ดีโดยไม่กระทบต่อไตมากการกินผักที่ดี ควรเลือกผักสด สะอาด และผ่านการปรุงโดยวิธีที่ไม่ทำลายสารอาหาร อาทิ นึ่งหรือลวก ใครที่รักสุขภาพและต้องการดูแลไต ผักใบเขียวเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ควรใส่ไว้ในจานเสมอ

ผักกาดขาว เบาไตแถมย่อยง่าย

ผักกาดขาวมีน้ำมากและไฟเบอร์สูง แต่โพแทสเซียมต่ำ จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลไต สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลาย อาทิ ต้มจืด ลวกกินกับน้ำพริก หรือใส่ในแกงจืด มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อสุขภาพไต คนที่มีปัญหาไตมักแนะนำให้กินผักชนิดนี้อย่างพอดีในแต่ละมื้อ [1]

ผักบุ้งจีน ให้แคลเซียมแต่ไม่หนักไต

ผักบุ้งจีนมีสารอาหารที่ช่วยเสริมกระดูกและมีโพแทสเซียมในระดับที่จัดการได้ เหมาะกับการผัดหรือลวกเพื่อกินคู่กับข้าวต้ม หรืออาหารจานเบา เมื่อกินในปริมาณพอเหมาะ จะไม่ทำให้ไตต้องทำงานหนัก ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมอาหารและดูแลไตไปพร้อมกัน

โพแทสเซียม คืออะไร เกี่ยวอะไรกับโรคไต

โพแทสเซียม (Potassium) คือ แร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการ:

  • ควบคุมระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ ให้ทำงานเป็นปกติ
  • ควบคุมสมดุลของเหลว (อิเล็กโทรไลต์) และสมดุลกรด-เบสในร่างกาย
  • ส่งสัญญาณประสาท
  • ช่วยในการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อ
  • รักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ
  • ช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน
  • ช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกาย
  • มีส่วนร่วมในกระบวนการเผาผลาญสารอาหารและการผลิตพลังงาน
  • ป้องกันการเกิดนิ่วในไต

ที่มา: อาหารผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ควรรับประทานอย่างไร จึงปลอดภัย ไม่น่าเบื่อ [2]

วิธีปรุงผักให้ปลอดภัยต่อไต

ผักที่ดี ต่อไต

แม้เราจะเลือก ผักที่ดี ได้แล้ว แต่ถ้าเราปรุงผิดวิธี ผักที่ดีอาจกลายเป็นภัยต่อไตได้เช่นกัน การปรุงผักให้เหมาะกับคนดูแลไตต้องหลีกเลี่ยงการใช้น้ำปลาหรือซอสโซเดียมสูง การลวกผักหรือนึ่ง เป็นวิธีที่ช่วยให้ผักยังคงคุณค่าทางอาหารและไม่เพิ่มโซเดียม ไม่ควรผัดน้ำมันมาก หรือปรุงรสจัดจนเกินไป เพราะจะทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น

การปรุงผักให้ปลอดภัยต่อไตสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังนั้น มีข้อควรระวังหลักๆ เกี่ยวกับปริมาณ โพแทสเซียม โซเดียม และฟอสฟอรัส ในผัก รวมถึงสารเคมีตกค้างต่างๆ ดังนี้

  1. การเลือกชนิดของผัก
  2. การเตรียมและปรุงผักเพื่อลดโพแทสเซียม
  3. การควบคุมโซเดียม
  4. การควบคุมฟอสฟอรัส
  5. การล้างผักเพื่อความปลอดภัยจากสารเคมี

เคล็ดลับคือกินแบบธรรมชาติ ใช้สมุนไพรช่วยปรุงรสแทนเกลือหรือน้ำปลา

ลวกหรือนึ่ง วิธีง่ายแต่ดีต่อไต

การลวกผักหรือนึ่งช่วยลดปริมาณโพแทสเซียมบางส่วนในผัก ยังคงความกรอบและคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้มาก เหมาะกับการเตรียมผักสำหรับคนที่ต้องจำกัดโพแทสเซียมหรือดูแลไต วิธีนี้ไม่ต้องใช้น้ำมันหรือโซเดียมเลย ทำให้ไตไม่ต้องทำงานหนัก เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ทุกบ้านสามารถทำได้ทุกมื้อ [3]

ลวกหรือนึ่งผักเป็นวิธีปรุงอาหารที่ง่ายและดีต่อไตมาก เพราะช่วยลดปริมาณโซเดียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัสที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไตได้ การลวกหรือนึ่งยังคงรักษาวิตามินและแร่ธาตุในผักไว้ได้ดีกว่าการต้มหรือผัดด้วยน้ำมันเยอะๆ

หลีกเลี่ยงเครื่องปรุงรสเค็มจัด

หลีกเลี่ยงเครื่องปรุงรสเค็มจัดเพื่อสุขภาพไตที่ดี เริ่มได้ง่ายๆ โดยลดปริมาณเกลือ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว และซอสปรุงรสต่างๆ ในทุกมื้ออาหาร ลองใช้สมุนไพรและเครื่องเทศเพิ่มรสชาติแทนความเค็มจัด มองหาผลิตภัณฑ์ลดโซเดียม หรือโซเดียมต่ำ

หากจำเป็นต้องใช้เครื่องปรุงรสเค็ม ลองชิมก่อนเติมทุกครั้ง ค่อยๆ ลดปริมาณลงทีละน้อยให้ร่างกายปรับตัวได้ เลือกซื้ออาหารสดใหม่ปรุงเอง แทนอาหารแปรรูปหรือสำเร็จรูปที่มักมีโซเดียมสูง อ่านฉลากโภชนาการเพื่อควบคุมปริมาณโซเดียมต่อวัน เพียงเท่านี้ไตของคุณก็จะทำงานสบายขึ้นเยอะเลย

พฤติกรรมการกินที่ช่วยดูแลไต

การกินให้เหมาะกับไตไม่ได้ขึ้นกับแค่ชนิดผักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมที่เราทำเป็นประจำ การแบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อย เลือกกินผักที่ดี และดื่มน้ำให้เพียงพอมีผลโดยตรงต่อสุขภาพไต หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ของมัน ของเค็ม และน้ำอัดลม เป็นเรื่องสำคัญ ควรฟังร่างกายตัวเองเมื่อรู้สึกบวมน้ำ เหนื่อยง่าย หรือปัสสาวะผิดปกติ ทุกพฤติกรรมที่ส่งผลต่อไต เราควรใส่ใจเป็นพิเศษเสมอ

พฤติกรรมการกินที่ช่วยดูแลไตมีหลายอย่าง เริ่มจากการควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหาร ลดอาหารแปรรูป อาหารหมักดอง และเครื่องปรุงรสเค็มจัด ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงและแอลกอฮอล์ รับประทานโปรตีนแต่พอดี เน้นโปรตีนคุณภาพดี อาทิ ปลาและไข่ขาว

ลดการทานเนื้อแดงและเครื่องในสัตว์ เพิ่มผักและผลไม้สดที่มีโพแทสเซียมต่ำ ตัวอย่าง ชมพู่ แอปเปิล และแตงกวา หลีกเลี่ยงผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง ตัวอย่าง กล้วย ส้ม และมะเขือเทศ ควบคุมปริมาณ ฟอสฟอรัสในอาหาร อาทิ นม ถั่ว และเมล็ดพืช และที่สำคัญควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อวางแผนการกินที่เหมาะสมกับสภาพไตของแต่ละบุคคล

ผู้เป็นโรคไต ควรดื่มน้ำให้พอวันละ 6-8 แก้ว

การดื่มน้ำในผู้ป่วยโรคไตเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ และไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวที่ทุกคนจะต้องดื่มวันละ 6-8 แก้วเหมือนคนทั่วไปที่มีสุขภาพไตปกติครับ ปริมาณน้ำที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคไตจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่แพทย์หรือนักโภชนาการจะพิจารณาเป็นรายบุคคลอย่างละเอียด

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำที่ผู้ป่วยโรคไตควรได้รับ:

  1. ระยะของโรคไต: ในระยะแรกๆ ที่ไตยังทำงานได้ดี อาจจะยังสามารถดื่มน้ำได้ในปริมาณใกล้เคียงกับคนทั่วไป แต่เมื่อโรคไตดำเนินไปมากขึ้น ความสามารถในการกรองและขับของเสียรวมถึงน้ำส่วนเกินของไตจะลดลง ทำให้ต้องจำกัดปริมาณน้ำมากขึ้น
  2. ความสามารถในการขับปัสสาวะ: ผู้ป่วยบางรายยังสามารถปัสสาวะได้ดี แต่บางรายอาจมีปัสสาวะออกน้อย ซึ่งในกรณีหลังนี้ การดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะน้ำเกินในร่างกายได้ง่าย
  3. ภาวะบวมน้ำ: หากผู้ป่วยมีอาการบวมน้ำ แสดงว่าร่างกายเริ่มมีการกักเก็บน้ำไว้มากเกินไป ซึ่งจำเป็นต้องจำกัดปริมาณน้ำดื่มอย่างเข้มงวด
  4. การรักษาด้วยการฟอกไต: ผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกไตอาจมีข้อจำกัดเรื่องปริมาณน้ำดื่มแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวิธีการฟอกไตและน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นระหว่างการฟอกแต่ละครั้ง
  5. ภาวะสุขภาพอื่นๆ: โรคประจำตัวอื่นๆ ได้แก่ โรคหัวใจ ก็อาจมีผลต่อปริมาณน้ำที่ร่างกายสามารถรับได้

งดอาหารเค็มจัดหรือแปรรูป

การงดอาหารเค็มจัดและอาหารแปรรูปเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพไตเลยครับ อาหารเหล่านี้มักมีปริมาณโซเดียมสูงมาก ซึ่งเป็นภาระหนักสำหรับไตที่ทำงานได้ไม่เต็มที่ การลดโซเดียมจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตสูง ลดอาการบวมน้ำ และช่วยชะลอการเสื่อมของไตได้ครับ

นอกจากนี้ อาหารแปรรูปหลายชนิดยังมีสารปรุงแต่ง ฟอสเฟต และโพแทสเซียมสูง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไตได้ การเลือกทานอาหารสดใหม่ ปรุงเอง โดยเน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติและควบคุมปริมาณโซเดียมจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

อาหารแปรรูปมีโซเดียมสูง ได้แก่ ไส้กรอก หมูยอ หรือขนมถุง การกินเค็มทำให้ความดันสูงและส่งผลเสียต่อไต ควรเลือกอาหารปรุงสด ลดเครื่องปรุงรส ฝึกอ่านฉลากโภชนาการเพื่อควบคุมโซเดียม ทุกมื้อที่ลดเค็มคือการช่วยชีวิตไตของเรา

ผักที่ดีกับผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อไตแข็งแรง

ผักที่ดี  คือสิ่งที่เราควรใส่ใจมากขึ้นเมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพไต เพราะไตเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย การเลือกกินผักที่มีสารอาหารเหมาะสมและไม่กระตุ้นให้ไตทำงานหนัก เป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันภาวะไตเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผักยังมีสารอาหารอีกเพียบ อ่านต่อได้ที่ ประโยชน์ของผัก มีอะไรบ้าง

นอกจากผักแล้ว ผลไม้ก็เป็นอีกหมวดที่เราต้องระวัง เพราะบางชนิดแม้จะมีประโยชน์ แต่ก็มีโพแทสเซียม
หรือฟอสฟอรัสสูง ซึ่งไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต แม้ผลไม้จะดูเหมือนเป็นของดีต่อสุขภาพ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลไต ต้องระวังผลไม้บางชนิดที่มีโพแทสเซียมสูงมาก

เมื่อไตทำงานไม่ปกติ ร่างกายจะขับโพแทสเซียมออกได้ยาก ทำให้เกิดอันตรายต่อหัวใจและระบบประสาท
ผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น กล้วย มะม่วงสุก ทุเรียน และมะละกอสุก เพราะมีโพแทสเซียมสูงมาก หากอยากกิน ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อน

โดยสรุป ผักที่ดี ต่อไต กินอย่างไรให้ไตแข็งแรง

โดยสรุป ผักที่ดี ต่อไต กินอย่างไรให้ไตแข็งแรง คือเรื่องที่เราทุกคนควรใส่ใจตั้งแต่วันนี้ การเลือกผักที่ดี ผสมกับวิธีปรุงที่เหมาะสม และพฤติกรรมการกินที่ดี มีผลต่อสุขภาพไตโดยตรง อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆ อย่างการกินผัก เพราะอาจเป็นตัวแปรสำคัญต่อสุขภาพระยะยาว ใครที่ห่วงสุขภาพไต อย่าลืมเริ่มดูแลด้วยจานอาหารที่คุณเลือกเองได้ทุกวันค่ะ

คนเป็นโรคไตห้ามกินผักหรือไม่

ไม่ได้ห้ามกินผัก แต่ต้องเลือกชนิดผักที่มีโพแทสเซียมต่ำและควบคุมปริมาณ หลีกเลี่ยงผักที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ผักโขมหรือฟักทอง ปรุงโดยลวก หรือนึ่ง จะช่วยลดปริมาณโพแทสเซียมลงได้

ต้องงดโซเดียมทั้งหมดไหมหากต้องการดูแลไต

ไม่ต้องงดทั้งหมด แต่ควรลดให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เลือกใช้สมุนไพรหรือเครื่องเทศธรรมชาติแทนการปรุงเค็ม การลดโซเดียมจะช่วยให้ไตไม่ทำงานหนักเกินไป

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง