พามา รู้จัก นกแก้วมาคอร์ นกที่สามารถพูดได้

รู้จัก นกแก้วมาคอร์

รู้จัก นกแก้วมาคอร์ หรือนกปากขอขนาดใหญ่ เป็นนกที่มีสีสันที่สวยงาม เป็นที่ชื่นชอบ ของผู้ที่นิสัยเลี้ยงนกเป็นอย่างมาก เพราะว่านกชนิดนี้เชื่อง ว่านอนสอนง่าย และสามารถเลียนแบบเสียงของคนได้

  • ที่มาของนกแก้วมาคอร์ 
  • สายพันธุ์นกแก้วมาคอร์ ที่คนไทยนิยมเลี้ยง
  • วิธีการเลี้ยง นกลูกป้อน และการให้อาหารนกแก้วมาคอร์ 

รู้จัก นกแก้วมาคอร์ นกสวยจากทวีปอเมริกาใต้

นกแก้วมาคอร์ (Macaw) เป็นนกแก้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่อยู่ในตระกูล ของนกปากขอขนาดใหญ่ เป็นสัตว์ปีก ที่อยู่ในวงศ์ Psittacidae มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก และทวีปอเมริกาใต้ นกชนิดนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 32-35 นิ้ว จุดเด่น คือ จะมีจะงอยปาก ที่ใหญ่เป็นพิเศษ ขนบริเวณคอและหน้าอกจะมีสีแดงเข้ม สีเหลือง และสีฟ้า

โดยนกชนิดนี้ จะมีสีขาวเส้นเล็ก ๆ จะคาดอยู่ระหว่างปากกับหัว เหนือปากด้านบน ที่ดวงตาจะมีขนเป็นลายเส้นดำ 4-5 เส้น ส่วนขนที่ปีกจะมีทั้งสีฟ้า สีเขียว และสีเหลือง นอกจากนี้ ยังมีขาที่แม้จะสั้น แต่ก็แข็งแรงอีกด้วย

ที่มา: มาคอว์ [1]

ลักษณะนิสัยของนกแก้วมาคอว์ เป็นแบบไหน

นกแก้วมาคอว์ เป็นสัตว์ที่มักจะส่งเสียงร้อง ในช่วงเช้า โดยพฤติกรรมตามธรรมชาติ นกมาคอว์จะบินเป็นฝูง และส่งเสียงกรีดร้อง เพื่อเรียกเพื่อน ๆ ของตน ออกไปรวมตัวกัน เพื่ออาบแดดที่ต้นไม้ ก่อนจะออกหาอาหารในตอนเที่ยง และเมื่อร้อนก็จะหาที่หลบแดด และค่อยพากันออกหาอาหารอีกทีในช่วงเย็น

ส่วนนกแก้วมาคอว์ ที่ถูกเลี้ยงโดยมนุษย์นั้น ก็จะมีความสามารถพิเศษ สามารถเลียนแบบเสียงของมนุษย์ และพูดได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้นกมาคอว์พูดได้ คือ ความฉลาดของตัวนกเอง และการฝึกฝนของผู้เลี้ยง หากอยากจะให้นกพูดได้ ควรที่จะต้องฝึกนกอย่างสม่ำเสมอ เช่น ประโยคสั้น หรือสอนให้รู้จัก ชื่อของมันเอง

สายพันธุ์นกแก้วมาคอร์ ที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากที่สุด มีอะไรบ้าง

สำหรับสายพันธุ์นกแก้วมาคอร์ ที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากที่สุด มี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ นกแก้วมาคอร์บลู โกล (blue and gold macaw) นกแก้ว มาคอร์สกาเล็ต (Scarlet Macaw) และนกแก้วมาคอร์ไฮยาซิน (hyacinth macaw) โดยทั้ง 3 สายพันธุ์ มีนิสัยและขนาดต่างกันดังนี้

  1. นกแก้วมาคอร์บลู โกล (blue and gold macaw)
    • ลักษณะกายภาพ: เป็นนกแก้วที่มีสีฟ้า ปกคลุมทั้งลำตัว บริเวณท้องจะเป็นสีเหลืองสด หน้าจะมีสีขาว และมีขนสีดำเล็ก ๆ อยู่บริเวณใบหน้า และปากจะเป็นสีดำ
    • ขนาด: ความยาวประมาณ 86 เซนติเมตร
    • น้ำหนัก: 0.9 – 1.3 กิโลกรัม
    • อายุเฉลี่ย: 35 – 50 ปี หากดูแลดี อาจจะมีอายุถึง 60 ปี
    • ราคา: 60,000 – 120,000 บาท ขึ้นอยู่กับอายุ และความหายาก
  2. นกแก้ว มาคอร์สกาเล็ต (Scarlet Macaw)
    • ลักษณะกายภาพ: จะมีขนเป็นสีแดงสด บริเวณปีกจะเป็นสีเหลือง และปลายปีกจะเป็นสีน้ำเงิน ขนหางจะเป็นสีแดงเข้ม และบริเวณใบหน้าจะเป็นขนสีขาวทั้งหมด
    • ขนาด: ความยาวประมาณ 81 – 96 เซนติเมตร
    • น้ำหนัก: 1 กิโลกรัม
    • อายุเฉลี่ย: 40 – 60 ปี หากดูแลดี อาจจะมีอายุถึง 75 ปี
    • ราคา: 80,000 – 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับอายุ และแหล่งกำเนิด
  3. นกแก้วมาคอร์ไฮยาซิน (hyacinth macaw)
    • ลักษณะกายภาพ: เป็นนกแก้วที่มีสีน้ำเงินเข้มทั้งตัว มีแถบสีเหลืองสดบริเวณรอบดวงตา และฐานของปาก ปากจะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
    • ขนาด: ความยาวประมาณ 100 เซนติเมตร
    • น้ำหนัก: 1.5 – 2 กิโลกรัม
    • อายุเฉลี่ย: 50 – 70 ปี หากดูแลดี อาจจะมีอายุถึง 80 ปี
    • ราคา: 500,000 – 1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับอายุ และแหล่งกำเนิด

ที่มา: 10 ข้อควรรู้ ! นกแก้วมาคอร์ [2]

วิธีการการเลี้ยงลูกนกป้อนอาหาร เลี้ยงยังไง ฉบับมือใหม่

รู้จัก นกแก้วมาคอร์

สำหรับวิธีการเลี้ยงนก ต้องบอกว่า อายุของลูกนกนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงเลย คือ สำหรับนกที่พึ่งเกิดได้ 1-7 วัน จะต้องป้อนอาหารบ่อยครั้ง แต่จะป้อนในปริมาณน้อย และต้องควบคุมอุณหภูมิ ให้อบอุ่นสำหรับลูกนก อยู่เสมอ

โดยวิธีการป้อนลูกนก อันดับแรก จะต้องมีไซริงจ์สำหรับป้อนนก และชามผสมอาหาร พร้อมเทอร์โมมิเตอร์ เพื่อวัดอุณหภูมิ และจำเป็นที่จะต้องอุ้มลูกนกให้ถูกต้อง เพราะหากอุ้มผิด ลูกนกอาจจะตายได้ โดยวิธีการอุ้มวิธีการอุ้มลูกนกที่ถูกต้อง คือ จะต้องจับที่บริเวณหัวของลูกนก แล้ววางนิ้วที่บริเวณปากของลูกนก 2 นิ้ว

พร้อมทั้ง 3 นิ้วที่เหลือโอบหลังศีรษะลูกนก จากนั้น นำอุปกรณ์ป้อนอาหารไว้บริเวณปากนกแก้ว และเริ่มป้อนนกด้วยไซริงจ์ได้เลย

ที่มา: 5 อันดับนกสวยงามขายดี [3]

เวลาสำหรับให้อาหารลูกนกป้อน ที่เหมาะสม สำหรับมือใหม่

  1. ในช่วง 2 สัปดาห์แรก จะต้องให้อาหารนกแก้วทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน ช่วงนี้จะต้องให้นกได้รับอาหาร 5-10 ครั้งต่อวัน
  2. ช่วงสัปดาห์ที่ 2-3 ให้อาหารนกทุก ๆ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน ช่วงนี้นกต้องได้รับอาหาร 5-6 ครั้งต่อวัน
  3. ช่วงสัปดาห์ที่ 3-4 ให้อาหารนกทุก ๆ 4 ชั่วโมงต่อวัน ช่วงนี้นกต้องได้รับอาหาร 4-5 ครั้งต่อวัน ในช่วงสัปดาห์ที่ 4 สามารถนำนกแก้วเข้ากรงได้แล้ว
  4. ช่วงสัปดาห์ที่ 5-6 จะให้อาหารนกเป็นช่วงเช้า กับช่วงเย็น โดยสามารถให้เป็น 2 ครั้ง ในทุกวันได้
  5. ช่วงสัปดาห์ที่ 7 เป็นต้นไป ควรให้สารอาหารที่ครบถ้วน และสามารถลดช่วงเวลาให้อาหารได้ แต่ช่วงนี้จะต้อง คอยตรวจดูมูลของนก ว่ถ่ายปกติไหม หากนกแก้วแข็งแรง จะสามารถถ่ายได้ดี และกินอาหารดี

ข้อควรระวังในการเลี้ยงนก ควรระวังเรื่องอะไรบ้าง

ข้อควรระวัง ในการเลี้ยงนก การเลี้ยงนกควรระวัง เรื่องของความสะอาด กรงนกควรที่จะต้อง ทำความสะอาดอยู่ เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้ากรงสกปรก จะทำให้นกติดเชื้อโรค และอาจป่วยตายได้ นอกจากนี้ ยังควรระวังเรื่องอาการป่วย เพราะนกอ่อนไหว กับสภาพอาการง่าย

สมมติว่า วันนี้อากาศเย็น พรุ่งนี้อากาศร้อน ก็อาจจะทำให้นกภูมิตก และป่วยตายได้ เพราะนกนั้น มักจะไม่แสดงอาการป่วย ผู้เลี้ยงอาจจะต้องหมั่นสังเกตเป็นประจำ

รู้จัก นกแก้วมาคอร์ กับบทสรุป

รู้จัก นกแก้วมาคอร์

สรุป นกแก้วมาคอร์ เป็นนกแก้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุด กำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก และทวีปอเมริกาใต้ โดยนกชนิดนี้มีขนาดอยู่ที่ 32-35 นิ้ว สายพันธุ์ที่คนไทยนิยมเลี้ยง คือ นกแก้วมาคอร์บลู โกล (blue and gold macaw) นกแก้ว มาคอร์สกาเล็ต (Scarlet Macaw) และนกแก้วมาคอร์ไฮยาซิน (hyacinth macaw)

นกแก้วมาคอร์สายพันธุ์ใด ที่มีขนาด ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

นกแก้วมีสายพันธุ์มากกว่า 400 สายพันธุ์ทั่วโลก โดยนกแก้วมาคอร์ เป็นนกแก้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แต่สายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ นกแก้วมาคอร์ไฮยาซิน (Hyacinth Macaw) โดยนกแก้วสายพันธุ์นี้ มีความยาวตั้งแต่หัวถึงปลายหางถึง 100 เซนติเมตรเลยทีเดียว

นกสายพันธุ์น่าเลี้ยง มีสายพันธุ์ไหนน่าสนใจบ้าง

สำหรับนกสายพันธุ์น่าเลี้ยง มีหลากหลายสายพันธุ์ที่น่าสนใจ แต่สายพันธุ์ที่คนไทยนิยมเลี้ยง ได้แก่ นกเลิฟเบิร์ด นกฟอพัส นกคอนัวร์ นกค็อกกะเทล และ นกซีบร้าฟินซ์ เป็นนกที่คนไทย ให้ความสนใจ และนิยมเลี้ยงกันอย่างมาก ในตอนนี้

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง