ลงทุนในเหรียญ Stablecoin อย่างไรให้คุ้มค่า

ลงทุนในเหรียญ Stablecoin

ลงทุนในเหรียญ Stablecoin ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เหรียญดิจิทัลประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้มูลค่า “นิ่ง” หรือใกล้เคียงกับสกุลเงินจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเหวี่ยงแรงของตลาด แต่ยังอยากอยู่ในระบบคริปโตต่อไป การเข้าใจสเทย์เบิลคอยน์ ช่วยให้คุณลงทุน ได้อย่างมั่นใจ

  • Stablecoin คืออะไร? และข้อดี-ข้อเสียของการลงทุนในสเทย์เบิลคอยน์
  • วิธีสร้างผลตอบแทน จากสเทย์เบิลคอยน์
  • เปรียบเทียบ สเทย์เบิลคอยน์ยอดนิยม

Stablecoin คืออะไร? เข้าใจง่ายใน 5 นาที

สเทย์เบิลคอยน์ คือเหรียญคริปโตที่ออกแบบมาให้ มูลค่าคงที่ หรือใกล้เคียงกับสกุลเงินจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ จุดประสงค์หลักคือช่วยลดความผันผวนในการถือครองและใช้งานคริปโต

ประเภทขอสเทย์เบิลคอยน์

  • Fiat-backed: ค้ำด้วยเงินจริง เช่น USDT, USDC
  • Crypto-backed: ค้ำด้วยคริปโตอื่น เช่น DAI
  • Algorithmic: ใช้อัลกอริธึมควบคุมมูลค่า เช่น UST (ที่เคยล้ม)

จุดเด่น

  • มูลค่าคงที่ ใช้งานง่าย
  • เหมาะเป็นที่พักเงินระหว่างลงทุน
  • ใช้ใน DeFi ได้หลากหลาย

ที่มา: Stablecoin คืออะไร? [1]

ข้อดีข้อเสีย ของการลงทุนในสเทย์เบิลคอยน์

สเทย์เบิลคอยน์ เป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อควรระวังที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้ การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มั่นคงยังสามารถขยายไปสู่ทางเลือกอื่น เช่น ลงทุน ในที่ดิน ซึ่งเป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาการเติบโตระยะยาวควบคู่ความยั่งยืน

ข้อดีของสเทย์เบิลคอยน์

  • ความผันผวนน้อยมูลค่าโดยทั่วไปผูกกับเงินดอลลาร์ ทำให้ไม่เหวี่ยงเหมือน Bitcoin
  • เหมาะสำหรับเก็บมูลค่าใช้พักเงินระหว่างรอจังหวะลงทุนในเหรียญอื่น
  • ใช้งานได้จริงโอนข้ามประเทศรวดเร็ว ค่าธรรมเนียมต่ำ และถูกใช้งานในระบบ DeFi อย่างกว้างขวาง

ข้อเสียของสเทย์เบิลคอยน์

  • ความเสี่ยงจากผู้ออกเหรียญ หากผู้ออกไม่โปร่งใส หรือไม่มีหลักทรัพย์ค้ำจริง อาจมีปัญหาในอนาคต
  • การถูกเพิกถอนจากตลาด เช่นกรณี BUSD ที่ถูกระงับการออกใหม่ ส่งผลต่อความเชื่อมั่น

ที่มา: Pros and Cons of Stablecoins: Benefits & Purpose [2]

วิธีสร้างผลตอบแทนจาก สเทย์เบิลคอยน์ทำอย่างไรให้เงินนิ่งแต่โต

แม้สเทย์เบิลคอยน์จะไม่ได้หวือหวาเหมือนเหรียญอื่นในตลาดคริปโต แต่นักลงทุนหลายคนกลับใช้มันเป็น “ที่จอดเงิน” ที่ให้ดอกเบี้ยได้จริง แถมยังเสี่ยงต่ำกว่าเหรียญผันผวน ถ้ารู้วิธีใช้ ก็สามารถทำให้ “เงินนิ่ง” กลายเป็น “เงินโต” ได้เหมือนกัน

วิธีสร้างผลตอบแทนจาก สเทย์เบิลคอยน์

  • ฝากกับ DeFi: นำสเทย์เบิลคอยน์ไปฝากในแพลตฟอร์มอย่าง Aave หรือ Compound เพื่อรับดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้
  • Staking & LP: นำเหรียญไป stake หรือจับคู่ใน Liquidity Pool เพื่อรับดอกเบี้ยหรือโทเคนรางวัล

เปรียบเทียบ สเทย์เบิลคอยน์ยอดนิยม

สเทย์เบิลคอยน์ทั้ง 3 ตัวนี้มีเป้าหมายเหมือนกันคือ รักษามูลค่าให้นิ่ง แต่เบื้องหลัง แตกต่างกันชัดเจน มาดูกันแบบสั้น ๆ เข้าใจง่าย

  1. แหล่งที่มาและการค้ำประกัน
  • USDT: ค้ำด้วยเงินสด และสินทรัพย์ทั่วไป (เช่น ตราสารหนี้)
  • USDC: ค้ำด้วยเงินสด และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
  • DAI: ค้ำด้วยคริปโต (เช่น ETH) ผ่านระบบ Smart Contract
  1. ความน่าเชื่อถือและการตรวจสอบบัญชี
  • USDT: โปร่งใสน้อย เคยมีข้อกังขาเรื่องสินทรัพย์ค้ำ
  • USDC: โปร่งใสสูง ตรวจสอบบัญชีโดยบริษัทภายนอก
  • DAI: เปิดให้ตรวจสอบได้ตลอด เพราะทำงานบนบล็อกเชน
  1. ความนิยมและการยอมรับ
  • USDT: ใช้งานแพร่หลายที่สุดในตลาดโลก
  • USDC: นิยมในกลุ่มนักลงทุนสายปลอดภัย
  • DAI: ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้สาย DeFi

ที่มา: How Are Stablecoins Backed? A Look at USDC, USDT, and DAI [3]

จะรู้ได้อย่างไรว่า ควรถือสเทย์เบิลคอยน์ตอนไหน?

เหรียญสเทย์เบิลคอยน์ ไม่ได้มีไว้แค่ “พักเงิน” เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือช่วยบริหารจังหวะลงทุนในตลาดคริปโตได้อย่างชาญฉลาด คำถามคือ เราควรถือมัน “ตอนไหน” ถึงจะเหมาะ?

  • รอจังหวะตอนตลาดขาลง: ถ้าแนวโน้มตลาดเป็นขาลง หรือมีสัญญาณความไม่แน่นอน การแปลงสินทรัพย์คริปโตเป็น สเทย์เบิลคอยน์ ช่วยรักษามูลค่าพอร์ตได้ดี และพร้อมเข้าซื้อเมื่อราคาต่ำ
  • ใช้ร่วมกับเหรียญอื่นในพอร์ต: นักลงทุนจำนวนมากเลือกถือสเทย์เบิลคอยน์ ควบคู่กับเหรียญหลัก เช่น BTC หรือ ETH เพื่อกระจายความเสี่ยงและมี “สภาพคล่อง” พร้อมเทรดทุกเวลา
  • เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในภาวะผันผวน: ในวันที่ตลาดเหวี่ยงแรงหรือมีข่าวลบ การถือ Stablecoin ช่วยลดแรงกระแทกจากความผันผวน และยังนำไปใช้งานใน DeFi เพื่อสร้างผลตอบแทนระหว่างรอจังหวะใหม่

สเทย์เบิลคอยน์กับอนาคตของโลกการเงิน

ลงทุนในเหรียญ Stablecoin

สเทย์เบิลคอยน์ ไม่ใช่แค่เทรนด์ของโลกคริปโตอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นตัวจุดประกายให้หลายประเทศเริ่มพัฒนา “สกุลเงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง” หรือที่เรียกว่า CBDC (Central Bank Digital Currency)

  • สเทย์เบิลคอยน์กับ CBDC: เหรียญอย่าง USDT หรือ USDC แสดงให้เห็นว่าเงินดิจิทัลแบบมีมูลค่าคงที่ใช้งานได้จริง ทำให้หลายประเทศเริ่มพัฒนา CBDC
  • บทบาทรัฐและเอกชน: อนาคตอาจมี Stablecoin จากธนาคารหรือร่วมกับภาครัฐ พร้อมการกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น
  • แนวทางควบคุม: สเทย์เบิลคอยน์อาจต้องเปิดเผยหลักทรัพย์ค้ำประกัน และอยู่ภายใต้กฎหมายคล้ายสถาบันการเงิน

บทสรุป ลงทุนในเหรียญ Stablecoin ในพอร์ตยุคใหม่

สรุปแล้ว ลงทุนในเหรียญ Stablecoin ไม่ได้เป็นเพียง “เงินพักรบ” ของนักลงทุนคริปโตอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการบริหารพอร์ต ลดความเสี่ยง และรอจังหวะเข้าตลาด อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีข้อจำกัด และความเสี่ยงบางประการ แต่หากเลือกใช้อย่างรอบคอบสเทย์เบิลคอยน์ ก็สามารถเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ในระยะยาวได้

ถือสเทย์เบิลคอยน์ไว้นาน ๆ เสี่ยงหรือไม่?

แม้สเทย์เบิลคอยน์จะมีมูลค่าคงที่ แต่การถือไว้นาน โดยไม่เคลื่อนไหว อาจเจอกับความเสี่ยงด้านค่าธรรมเนียมแฝง, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์, หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด จากผู้ออกเหรียญ เช่น ถูกระงับการใช้งาน หรือการเพิกถอน จากแพลตฟอร์มบางแห่ง จึงควรติดตามข่าวสาร และตรวจสอบเหรียญ ที่ถืออยู่เป็นระยะ

การถือสเทย์เบิลคอยน์ ต้องเสียภาษีหรือไม่?

ขึ้นอยู่กับประเทศ และข้อกฎหมาย ในแต่ละเขต หากสเทย์เบิลคอยน์ ถูกใช้เพื่อเก็งกำไร รับดอกเบี้ย หรือแปลงกลับเป็นเงินสด อาจเข้าข่ายภาษีเงินได้ หรือภาษีกำไรจากการลงทุน ควรศึกษาข้อบังคับภาษี ในประเทศของตน หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ทางการเงิน เพื่อความชัดเจน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง