
ลงทุน ในพลังงานสะอาด กลายเป็นคำที่ได้ยินบ่อยขึ้น ในแวดวงการลงทุน ไม่ใช่แค่เพราะเป็นเทรนด์ ที่สอดรับกับกระแสรักษ์โลก แต่เพราะมันกำลังกลายเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ใหม่ ของเศรษฐกิจโลก แต่คำถามคือ ถ้าอยากเริ่มลงทุนในพลังงานสะอาด ควรเริ่มอย่างไร? มีโอกาสอะไรน่าจับตา? หรือมีความเสี่ยงอะไร ที่ต้องรู้ทัน?
พลังงานสะอาดอย่าง แสงอาทิตย์ ลม และน้ำ กำลังกลายเป็นตัวเลือกหลัก ของโลกยุคใหม่ ไม่ใช่แค่เพราะรักษ์โลก แต่เพราะมันคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ [1]
ต้นทุนถูกลง เทคโนโลยีพัฒนาเร็ว รัฐบาลหลายประเทศ ออกนโยบายสนับสนุน ทั้งลดภาษีและให้เงินอุดหนุน นักลงทุนจึงแห่เข้า เพราะเห็นทั้งโอกาส และความยั่งยืน เช่นเดียวกับ กระแสการ ลงทุนในเหรียญ Stablecoin ที่เติบโตจากความต้องการความมั่นคง และลดความผันผวนในพอร์ตการลงทุน
ยิ่งยุคนี้ ผู้บริโภคใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น บริษัทต่างๆ ก็ต้องปรับตัว พลังงานสะอาด จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคง และยั่งยืน
กระแสพลังงานสะอาด กำลังมาแรง และไม่ใช่เรื่องไกลตัว สำหรับนักลงทุนอีกต่อไป เพราะนี่คือโอกาสใหม่ ที่น่าสนใจทั้งในแง่ผลตอบแทน และความยั่งยืน แต่ก่อนจะลงสนาม มาดูรูปแบบการลงทุนยอดนิยมกันก่อน
ที่มา: 7 Clean Energy ETFs to Buy Now [2]
ในโลกที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลายเป็นประเด็นระดับโลก การลงทุนก็ต้องปรับตัวให้สอดคล้อง กับความยั่งยืนมากขึ้น แนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) จึงถูกหยิบมาใช้เป็นเกณฑ์ใหม่ ในการประเมินคุณภาพของการลงทุน และหนึ่งในหัวใจสำคัญของ “E” ก็คือพลังงานสะอาด
พลังงานสะอาด ไม่ได้เป็นแค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ ของเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีอย่างโซลาร์ฟาร์ม กังหันลม และไฮโดรเจนสีเขียว กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญ ของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ที่มา: Thailand’s Renewable Energy Potential: BCG Insights and Strategies [3]
สรุปแล้ว ลงทุน ในพลังงานสะอาด ไม่ใช่แค่การมองหา โอกาสทางการเงิน แต่เป็นการเลือก อยู่ในฝั่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม ต่อสังคม และต่อเศรษฐกิจในระยะยาว แม้การลงทุนในพลังงานสะอาด จะมีความเสี่ยง และความท้าทาย แต่ด้วยแนวโน้ม การสนับสนุนจากภาครัฐ จึงเป็นโอกาสของวันนี้ ที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ
การเริ่มต้นลงทุน สามารถทำได้หลายรูปแบบ และไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเสมอไป หากเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมพลังงานสะอาด บางกองทุนเริ่มต้นได้ตั้งแต่หลักพันบาท ส่วนการร่วมทุนในโครงการหรือทำธุรกิจเองอาจต้องใช้เงินหลักแสนถึงหลักล้าน ขึ้นอยู่กับขนาดของโครงการและรูปแบบการลงทุน
หากเป็นรายได้จากการลงทุน เช่น เงินปันผลจากหุ้นหรือกองทุน จะต้องเสียภาษีตามเกณฑ์ปกติ ของกรมสรรพากร ส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้า คืนให้กับภาครัฐ (เช่นในโครงการโซลาร์รูฟท็อป) ก็อาจเข้าข่ายรายได้ธุรกิจ และต้องยื่นภาษีเช่นกัน ทั้งนี้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เพื่อความถูกต้องตามประเภท ของรายได้