
ลงทุน ในสินทรัพย์ปลอดภัย คือกลยุทธ์สำคัญ ที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือมือเก๋า สินทรัพย์ประเภทนี้ช่วยลดแรงกระแทก เวลาตลาดเหวี่ยง พร้อมสร้างความมั่นคงทางจิตใจ ในยามวิกฤต บทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก เครื่องมือพื้นฐาน อย่างพันธบัตรรัฐบาล วิธีลงทุนทองคำ ในหลากหลายรูปแบบ เป็นต้น
สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Assets) คือสินทรัพย์ที่มูลค่ามักนิ่ง ไม่แกว่งแรงเวลาตลาดเกิดวิกฤต ตัวอย่างที่พบได้บ่อยคือ ทองคำ พันธบัตรรัฐบาล เงินฝากประจำ และตราสารหนี้ระยะสั้น
จุดเด่นคือช่วยลดความผันผวนของพอร์ต เสริมความมั่นคงทางใจ และใช้เป็นแหล่งพักเงินชั่วคราวในช่วงตลาดตกหนัก นอกจากนี้ บางคนยังมองหาทางเลือกอื่น เช่น ลงทุน ในของสะสม ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจผันผวน [1]
อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์กลุ่มนี้ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าสินทรัพย์เสี่ยง และบางประเภทก็มีค่าธรรมเนียมหรือข้อจำกัด
สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ พันธบัตรรัฐบาลถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะทั้งปลอดภัย ได้ดอกเบี้ยแน่นอน และมีการรับประกันจากภาครัฐ
ที่มา: สรุปมาให้แล้ว! พันธบัตรรัฐบาลคืออะไร ลงทุนยังไงกัน [2]
สรุป ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยยอดนิยม แต่รูปแบบการลงทุนก็หลากหลาย แต่ละแบบมีจุดเด่นและข้อควรระวังต่างกัน อยากถือของจริงเลือกทองแท่ง, เน้นความคล่องตัวทองออนไลน์ ส่วนเน้นลงทุนผ่านพอร์ตหุ้นไป ETF
การจัดพอร์ตลงทุนไม่ใช่เรื่องของการวิ่งหาผลตอบแทนสูงสุดเพียงอย่างเดียว แต่ต้อง “บาลานซ์ความเสี่ยง” ให้เหมาะกับช่วงชีวิตด้วย แนวคิดคือ ให้น้ำหนักสินทรัพย์ปลอดภัยตามอายุ เช่น
รีบาลานซ์ปีละครั้ง ก็สำคัญ เพื่อให้พอร์ตไม่เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งเกินไป เช่น ปีนี้หุ้นพุ่ง พอร์ตอาจเสี่ยงเกินที่เรายอมรับได้ ก็ต้องขายบางส่วนมาถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่ม
ที่มา: The Ultimate Guide to Asset Allocation by Age: How to Invest Right for Every Life Stage [3]
นักลงทุนสายปลอดภัยมักมองแค่ “ดอกเบี้ยเท่าไหร่” แต่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ควรมองมากกว่าคือ “ผลตอบแทนจริง” หรือ Real Yield
Nominal Yield คือ ดอกเบี้ยที่ประกาศไว้ ส่วน Real Yield คือดอกเบี้ยลบด้วยอัตราเงินเฟ้อ เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก 2% แต่เงินเฟ้อ 3% เท่ากับคุณ “ขาดทุนจริง” 1% ต่อปี เงินเฟ้อลดพลังการซื้อของเงินเรื่อย ๆ ยิ่งเงินเฟ้อสูงเท่าไหร่ เงินที่นอนอยู่ในบัญชียิ่งด้อยค่า แม้จะมีดอกเบี้ยก็ตาม พันธบัตรหรือเงินฝากระยะยาวที่ดูปลอดภัยก็อาจกลายเป็นกับดัก
ทางหนี คืออะไร? ลองดู “พันธบัตรเงินเฟ้อ” เช่น iBonds หรือตราสารที่ให้ดอกเบี้ยตามเงินเฟ้อ ช่วยให้ผลตอบแทนไม่ถูกกินกลบ อีกทางคือใช้กลยุทธ์ Hedge เงินเฟ้อ เช่น ลงทุนในทองคำ หรือ REITs (อสังหาริมทรัพย์) ที่มีโอกาสปรับรายได้ตามราคาสินค้า
Dollar-Cost Averaging (DCA) คือการลงทุนแบบ ทยอยซื้อเท่ากันทุกเดือน ไม่ว่าจะตลาดขึ้นหรือลง ซึ่งแม้จะใช้กันบ่อยในหุ้น หรือกองทุนเสี่ยง แต่ก็ใช้กับ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงดอกเบี้ยผันผวน
ข้อดีของ DCA คือช่วยลดความเสี่ยง จากจังหวะการลงทุน ไม่ต้องเดาตลาด ลงทุนได้อย่างมีวินัย ข้อเสีย คือหากดอกเบี้ยขาขึ้นแบบรวดเร็ว ผลตอบแทนระยะแรก อาจดูนิ่ง ๆ ไปบ้าง
ใครที่ไม่อยากเสี่ยงมาก ลองตั้งงบรายเดือนใส่ใน “กองทุนตลาดเงิน” หรือ “ตราสารหนี้ระยะสั้น” ก็เป็นทางเลือกดี ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และยังถอนเมื่อจำเป็นได้ง่าย จากสถิติที่ผ่านมา หาก DCA ต่อเนื่องในกองทุนความเสี่ยงต่ำ 5–10 ปี มักให้ผลตอบแทนรวม ดีกว่าการฝากเงินเฉย ๆ
สรุป ลงทุน ในสินทรัพย์ปลอดภัย อาจไม่ได้หวือหวา หรือให้ผลตอบแทนที่น่าตื่นเต้น เหมือนสินทรัพย์เสี่ยง แต่จุดแข็งของมันคือ “ความนิ่ง” และ “เสถียรภาพ” ที่ช่วยให้พอร์ตไม่เสียศูนย์ ในวันที่ตลาดไม่นิ่ง ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนในพันธบัตร ทองคำ หรือกองทุนตราสารหนี้ และสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นเครื่องมือ ที่ช่วยให้คุณเติบโตไปพร้อมความปลอดภัย
ไม่จำเป็นเสมอไป เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาล สามารถทำผ่านแอป “วอลเล็ต สบม.” หรือธนาคารพาณิชย์โดยตรง ส่วนทองคำแท่งซื้อได้จากร้านทอง ส่วน ETF ทองหรือตราสารหนี้บางประเภท อาจต้องเปิดพอร์ต กับโบรกเกอร์หุ้น
สามารถเกิดขึ้นได้ในบางกรณี เช่น พันธบัตรที่ขายก่อนครบกำหนด อาจได้ราคาต่ำกว่าหน้าตั๋ว หรือ ETF ทองที่ราคาลดลงตามตลาดโลก ดังนั้นแม้จะชื่อว่าสินทรัพย์ “ปลอดภัย” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีความเสี่ยงเลย 100%