
วอลเลย์บอล เพื่อสุขภาพไหม อาจเป็นคำตอบ ที่หลายคนมองข้าม เพราะนอกจากจะเป็นกีฬาทีม ที่ต้องใช้ไหวพริบ และความสามัคคีแล้ว การวิ่ง กระโดด และตบลูกตลอดเกม ยังช่วยเสริมสร้างร่างกายในรูปแบบต่างๆ
วอลเลย์บอลถือกำเนิดขึ้น เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1895 (พ.ศ. 2438) โดย วิลเลียม จี. มอร์แกน (William G. Morgan) ครูฝึกของสมาคม YMCA ที่เมืองโฮลีโอค รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา (23 มกราคม 2025) [1]
เขาต้องการสร้างกีฬาใหม่ ที่เล่นในร่มได้ ไม่รุนแรงเกินไป และเหมาะกับผู้ใหญ่วัยทำงาน จึงคิดค้นกีฬาชื่อ Mintonette โดยใช้แนวคิดผสม ระหว่างบาสเกตบอล เทนนิส และแฮนด์บอล
ต่อมา เมื่อมีการสาธิต การเล่นต่อหน้าสาธารณะในปี 1896 ผู้ชมเสนอให้เปลี่ยนชื่อเป็น Volleyball เนื่องจากลักษณะของการเล่นคือ “การตีลูกลอยไปมา”
กีฬาวอลเลย์บอล เป็นกีฬาที่ผสมผสาน ทั้งความรวดเร็ว การทำงานเป็นทีม และไหวพริบเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จุดเด่นของกีฬานี้ อยู่ที่การประสานร่างกาย และจิตใจระหว่างผู้เล่น ทั้งหกคนในสนาม ที่ต้องรับ-ส่ง และโจมตีลูกบอล ให้สอดคล้องกัน ราวกับจังหวะดนตรี ที่ไม่มีใครพลาด แม้แต่จังหวะเดียว
การแข่งขันเกิดขึ้นบนสนาม ที่มีตาข่ายขึงกั้นกลาง โดยเป้าหมายหลัก ของทั้งสองทีมคือ การส่งลูกบอล ให้ข้ามตาข่าย และทำให้ตกลงในแดน ฝ่ายตรงข้าม โดยที่อีกฝ่าย ไม่สามารถรับ หรือส่งลูกกลับมาได้ทัน ซึ่งจะคล้ายคลึงกับ ความเป็นมา เทเบิลเทนนิส
คือมันไม่ใช่เพียงเรื่องของ พละกำลังเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการคิด อย่างรวดเร็ว ความเข้าใจของเพื่อนร่วมทีม และกลยุทธ์ในการวางบอล การรับ ลูกตบที่รุนแรงอาจต้องใช้การล้มรับ หรือกระโดดปัด อย่างแม่นยำ ขณะที่การรุก ก็ต้องอาศัยจังหวะการเซต
และการกระโดดตีลูกให้มีพลัง และทิศทางที่คู่ต่อสู้คาดไม่ถึง ทุกวินาทีในเกม เต็มไปด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะช่วงท้ายเซตที่คะแนนสูสีกัน จนทุกการสัมผัสบอลมีค่า แม้จะเป็นการแข่งขันที่จริงจัง แต่ในอีกมุมหนึ่ง วอลเลย์บอลก็เป็นกีฬาที่สร้างรอยยิ้ม และความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่น (20 มิถุนายน 2024) [2]
ไม่ว่าจะเล่นในโรงยิม สนามกลางแจ้ง หรือแม้แต่ริมชายหาด ทุกคนสามารถสนุก และออกกำลังกาย ไปพร้อมกันได้ วอลเลย์บอลจึงไม่ใช่แค่ กีฬาเพื่อชัยชนะ แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งมิตรภาพ พลังใจ และการเรียนรู้ ที่จะเชื่อมั่นในคน ที่อยู่ข้างๆ เสมอ
วิธีเล่นวอลเลย์บอลให้ถูกต้อง ตามกติกา ต้องเข้าใจพื้นฐาน ของจำนวนผู้เล่น ระบบการนับคะแนน วิธีเริ่มเกม และข้อห้ามต่างๆ ซึ่งผมสรุปให้อ่านง่าย แบบเข้าใจทันที ดังนี้
การเล่นวอลเลย์บอล ถือว่าเป็นกิจกรรม เพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะเป็นกีฬา ที่ผสมผสานการเคลื่อนไหว หลายรูปแบบเข้าด้วยกัน การวิ่งสั้น การกระโดด การบิดตัว และการยืดแขนยืดขา ช่วยให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
ระบบไหลเวียนเลือด ทำงานอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มปริมาณออกซิเจน ที่ส่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ในเชิงปริมาณ การเล่นวอลเลย์บอล อย่างต่อเนื่องประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานได้ ประมาณ 400–600 แคลอรี ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น ของการเล่น (16 กรกฎาคม 2024) [3]
นอกจากนี้ การกระโดด และตบลูกยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแขน ไหล่ ขา และลำตัว รวมถึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น การทรงตัว การเล่นวอลเลย์บอล ยังช่วยพัฒนาสมองและจิตใจ เพราะต้องใช้ไหวพริบ ในการอ่านเกม คาดเดาการเคลื่อนที่ของลูกบอล และตัดสินใจอย่างรวดเร็วตลอดเวลา
กีฬาวอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย และสามารถปรับระดับความยากง่าย ให้เหมาะกับผู้เล่น หลากหลายกลุ่ม การเล่นพื้นฐาน ไม่จำเป็นต้องมีทักษะพิเศษ ตั้งแต่แรก เพราะสามารถเริ่มจาก การตีลูกเบาๆ และค่อยๆ ฝึกทักษะเพิ่มขึ้น ตามความพร้อมของร่างกาย
เด็กๆ สามารถเริ่มเล่น เพื่อเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย เช่น ความคล่องตัว การทรงตัว และการประสานมือ-ตา รวมถึงฝึกการทำงานเป็นทีม ส่วนผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ สามารถปรับความเข้มข้นให้เหมาะสม เช่น เล่นแบบสบายๆ หรือเล่นวอลเลย์บอลชายหาด เพื่อลดแรงกระแทกได้ ทำให้กีฬาวอลเลย์บอล สู่ต่างประเทศ เช่น
สรุป วอลเลย์บอล เพื่อสุขภาพไหม ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ ความคล่องตัว ระบบหัวใจและปอด รวมถึงสมาธิ และไหวพริบ การเล่นต่อเนื่อง ยังเผาผลาญพลังงานและเสริมสร้างความสามัคคี ทำให้เป็นกีฬาที่ดี ต่อร่างกายและจิตใจ
เมื่อผู้เล่น เหยียบเส้นหลังสนาม ขณะเสิร์ฟ หรือ เสิร์ฟลูกตกตาข่าย/ออกนอกสนาม ห้ามใช้มือสองข้าง จับลูกบอลนานเกินไป หรือทำท่าทางผิดปกติ ที่ถือว่าไม่เป็นการเสิร์ฟที่ถูกต้อง ผลลัพธ์คือ เสียแต้มทันที ให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับแต้ม และเสิร์ฟต่อ
เพราะทำให้ผู้เล่นทุกคน มีโอกาสเสิร์ฟ และเล่นทุกตำแหน่งในสนาม ช่วยรักษาความเป็นธรรม และกลยุทธ์ของทีม ให้สอดคล้องกับกติกา หากไม่หมุนเวียนตามกติกา ทีมจะเสียแต้ม ถูกฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบ