รีวิว วัดป่าแดด เค้ามูอะไร วัดดังที่ห้ามพลาด

วัดป่าแดด เค้ามูอะไร

วัดป่าแดด เค้ามูอะไร วันนี้ขอเสนอ วัดป่าแดด ของตำบลป่าแดด วัดนี้เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เรื่องความโด่งดังของหลวงพ่อตาหวาน และพระพิฆเนศ นอกจากนั้นที่นี่ผู้คนยังนิยมมาทำพิธีอารตีไฟ และเจิมหน้าผาก เพื่อขอพรกันมากมาย จนถึงขนาดต้องจองคิวกันเป็นเดือน ๆ กันเลยทีเดียว

  • ประวัติของ วัดป่าแดด ตำบลป่าแดด
  • วิธีมูพระพิฆเนศ ยังไงให้ปังแบบฉุดไม่อยู่
  • พิกัดวัดและพิกัดจองไหว้ชุดผลไม้มงคล

ประวัติ วัดป่าแดด จังหวัดเชียงใหม่

วัดป่าแดด มีชื่อเดิมว่า วัดดอนแก้ว เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในอดีตที่ตั้งของวัดนี้ เคยเป็นอุโบสถฟังเทศน์ สำหรับนักโทษประหารและเชลยศึก ก่อนที่จะถูกประหารชีวิต แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี พระอุโบสถได้พังลง จึงได้สร้างขึ้นใหม่ ในปี พ.ศ. 2345

และต่อมาได้บูรณะใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2475 นอกจากนี้ยังได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา (พื้นที่ที่พระเจ้าแผ่นดิน พระราชทานให้แก่พระสงฆ์ เพื่อใช้สร้างอุโบสถ) เมื่อ พ.ศ. 2484 และมีท่านพระครูปลัดนันทวัฒน์ (พระอาจารย์พยุงศักดิ์ ธีรธัมโม) เป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
ที่มา: วัดป่าแดด [1]

สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจของวัดป่าแดด คือ

สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจของวัดนี้ คือ วิหารหลวงลายคำ เป็นสถาปัตยกรรมสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบล้านนา โดยด้านในจะเป็นที่ประดิษฐานของ หลวงพ่อตาหวาน (พระประธานของวัด) นอกจากนี้ ภายในวิหารหลวงลายคำ ภาพจิตรกรรมฝาผนังยังทำมาจากทองคำเปลวทั้งหมดอีกด้วย [2]

ที่มาพระพิฆเนศ วัดป่าแดด

พระพิฆเนศ อุตรศรีคณปติ พระพิฆเนศชื่อดังของวัดป่าแดด โดยสร้างมาจากโลหะสัมฤทธิ์รมดำ มี 4 พระกร ได้แก่ 1.พระกรทรงวัชระ 2.พระกรทรงบ่วง 3.พระกรทรงงา 4.พระกรทรงถ้วยขนม ท่านขึ้นชื่อในเรื่องผู้ประทานความสำเร็จ โดยเวลาทำพิธีจะมีพราหมณ์ ทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผากให้

เคล็ดไม่ลับ วัดป่าแดด เค้ามูอะไร มูยังไงให้ปัง

วัดป่าแดด เค้ามูอะไร

สำหรับขั้นตอนและวิธีการไหว้พระที่วัดป่าแดด ต้องบอกก่อนว่าที่นี่จะมีชุดไหว้อยู่ 2 ชุดไหว้ คือ ชุดไหว้ผลไม้มงคล และชุดไหว้ธัญพืชมงคล ซึ่งหากใครสนใจทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผาก จะต้องไหว้ชุดผลไม้มงคล โดยวิธีการไหว้ชุดผลไม้มงคล สามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย

  1. เริ่มแรกให้ไหว้พระประธาน พระเจ้าตาหวาน บนวิหารหลวงลายคำ
  2. จุดธูป ที่หน้าหอมหาเทพบูรพาจารย์ (ไม้สักทอง)​
  3. สวดคาถาองค์พระพิฆเนศ 3 จบ
  4. นำเครื่องพลีกรรม ขึ้นไปบนหอมหาเทพ
  5. เมื่ออยู่บนหอมหาเทพ ให้ยกเครื่องพลีกรรม พร้อมกล่าวคำบูชา และอธิษฐานขอพรหน้าศิวลึงค์ (บ่อน้ำทิพย์) เมื่อเสร็จสิ้นให้นำเครื่องพลีกรรม ไปวางหน้าแท่นพิธี
  6. สั่นกระดิ่งดัง ๆ 9 ครั้ง
  7. กระซิบที่หูเจ้ามุสิกะ (พาหนะบริวารของพระพิฆเนศ) โดยเอามือปิดหูหนูด้านใน และกระซิบหูหนูด้านนอก ตัวใดตัวหนึ่ง
  8. สรงน้ำศิวลึงค์ แล้วเอามือรองรับน้ำมนต์ และลูบศีรษะ
  9. ลอดท้ององค์พระพิฆเนศ ใต้หอมหาเทพบูรพาจารย์ 3 รอบ
  10. ไปโอบเสาไม้สักทองหลวง ทั้งเสาเอก และเสาโท ข้างพระประธาน
  11. สั่นระฆัง 3 ครั้ง
  12. ขั้นตอนสุดท้ายปิดทองพญาเต่าบุญโชค-บุญลาภ (เจ้าเงินล้าน เจ้าเงินแสน) ที่ซุ้มสังฆทาน พร้อมทั้งขอโชค ขอลาภจากท่าน

ที่มา: สายบุญสายมูต้องมาวัดป่าแดด [3]

วิธีการไหว้ชุดธัญพืชมงคล

สำหรับใครที่ไม่ได้จองชุดผลไม้มงคลไป ก็ยังสามารถไปไหว้ชุดธัญพืชมงคลแทนได้ โดยมีพิธีดังนี้

  1. เริ่มแรกจะไหว้พระประธาน พระเจ้าตาหวาน บนวิหารหลวงลายคำ
  2. ต่อด้วยไป จุดธูป ที่หน้าหอมหาเทพบูรพาจารย์ (ไม้สักทอง)​
  3.  สวดคาถาองค์พระพิฆเนศ 3 จบ
  4. นำชุดขอพรวางบนแท่นพิธี หน้าหอมหาเทพบูรพาจารย์
  5. หลังจากนั้นทำตามตั้งแต่ขั้นตอนที่ 6-12 ของวิธีบูชาชุดผลไม้มงคลด้านบนได้เลย 

วิธีการไหว้ชุดผลไม้และธัญพืชมงคล ต่างกันยังไง

หากใครที่อยากจะมูแบบเต็มพิกัดต้องบอกก่อนว่า แนะนำให้ไหว้เป็นชุดผลไม้มงคล เพราะทั้ง 2 ชุดจะแต่งต่างกันที่ชุดผลไม้มงคล จะได้ทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผากจากพราหมณ์ผู้ทำพิธี แต่ชุดธัญพืชมงคลจะได้เพียงทำไหว้พระขอพร สรงน้ำศิวลึงค์เท่านั้น แต่จะไม่ได้มีพราหมณ์มาทำพิธีอารตีไฟ และเจิมหน้าผากให้เท่านั้น

เคล็ดลับการขอพรพระพิฆเนศ ยังไงให้ปัง

  1. ต้องขอพรด้วยแรงศรัทธาอย่างแน่วแน่เพียงข้อเดียว
  2. ขอพรโดยการเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา และบอกถึงผลดีที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง หากเราได้รับพรที่ได้ขอ
  3. ห้ามบน ที่นี่จะไม่ขอพรโดยการบนเด็ดขาด
  4. ตั้งมั่นในจิตและสมาธิ ห้ามว่อกแว่ก

ชี้พิกัดวัดป่าแดด

สรุปแล้ว วัดป่าแดด เค้ามูอะไร

วัดป่าแดด เค้ามูอะไร

สรุปแล้ว วัดป่าแดด เค้ามูพระพิฆเนศ และหลวงพ่อตาหวานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพระพิฆเนศ ผู้คนเชื่อว่าหากได้ไหว้พระพิฆเนศและได้ทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผาก จะถือเป็นการเสริมสร้างสิริมคลให้อย่างยิ่ง และหากอยากทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผาก จะต้องจองชุดไหว้ผลไม้มงคลก่อนเท่านั้น หากไม่ได้จองจะไม่สามารถเข้าพิธีได้

ทำไมถึงเปลี่ยนชื่อ จากวัดดอนแก้ว เป็นวัดป่าแดด

เหตุผลที่เปลี่ยนชื่อจากวัดดอนแก้ว เป็นวัดป่าแดด เพราะว่า เนื่องจากสมัยอดีต บริเวณวัดเป็นป่าทึบ ในช่วงเย็นมักจะมีฝูงนกแสกร้องเสียงดัง จนชาวบ้านมักเรียกว่า ป่านกแสก แต่ต่อมาได้เพี้ยนเสียง จนกลายมาเป็น วัดป่าแดด ในปัจจุบัน

วัดชื่อดังในเชียงใหม่ ที่สายมูต้องไป

ชื่อดังในเชียงใหม่ ที่แนะนำว่าสายมูต้องไป คือ วัดพระธาตุดอยคำ, วัดพระสิงห์วรวิหาร และ วัดเจดีย์หลวง และหากปีนี้ใครเกิดปีชง อย่าลืมไปแก้ชงที่ ศาลเจ้าปุงเถ่ากง ได้เหมือนกัน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง