
วัดป่าแดด เค้ามูอะไร วันนี้ขอเสนอ วัดป่าแดด ของตำบลป่าแดด วัดนี้เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เรื่องความโด่งดังของหลวงพ่อตาหวาน และพระพิฆเนศ นอกจากนั้นที่นี่ผู้คนยังนิยมมาทำพิธีอารตีไฟ และเจิมหน้าผาก เพื่อขอพรกันมากมาย จนถึงขนาดต้องจองคิวกันเป็นเดือน ๆ กันเลยทีเดียว
วัดป่าแดด มีชื่อเดิมว่า วัดดอนแก้ว เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในอดีตที่ตั้งของวัดนี้ เคยเป็นอุโบสถฟังเทศน์ สำหรับนักโทษประหารและเชลยศึก ก่อนที่จะถูกประหารชีวิต แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี พระอุโบสถได้พังลง จึงได้สร้างขึ้นใหม่ ในปี พ.ศ. 2345
และต่อมาได้บูรณะใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2475 นอกจากนี้ยังได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา (พื้นที่ที่พระเจ้าแผ่นดิน พระราชทานให้แก่พระสงฆ์ เพื่อใช้สร้างอุโบสถ) เมื่อ พ.ศ. 2484 และมีท่านพระครูปลัดนันทวัฒน์ (พระอาจารย์พยุงศักดิ์ ธีรธัมโม) เป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
ที่มา: วัดป่าแดด [1]
สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจของวัดนี้ คือ วิหารหลวงลายคำ เป็นสถาปัตยกรรมสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบล้านนา โดยด้านในจะเป็นที่ประดิษฐานของ หลวงพ่อตาหวาน (พระประธานของวัด) นอกจากนี้ ภายในวิหารหลวงลายคำ ภาพจิตรกรรมฝาผนังยังทำมาจากทองคำเปลวทั้งหมดอีกด้วย [2]
พระพิฆเนศ อุตรศรีคณปติ พระพิฆเนศชื่อดังของวัดป่าแดด โดยสร้างมาจากโลหะสัมฤทธิ์รมดำ มี 4 พระกร ได้แก่ 1.พระกรทรงวัชระ 2.พระกรทรงบ่วง 3.พระกรทรงงา 4.พระกรทรงถ้วยขนม ท่านขึ้นชื่อในเรื่องผู้ประทานความสำเร็จ โดยเวลาทำพิธีจะมีพราหมณ์ ทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผากให้
สำหรับขั้นตอนและวิธีการไหว้พระที่วัดป่าแดด ต้องบอกก่อนว่าที่นี่จะมีชุดไหว้อยู่ 2 ชุดไหว้ คือ ชุดไหว้ผลไม้มงคล และชุดไหว้ธัญพืชมงคล ซึ่งหากใครสนใจทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผาก จะต้องไหว้ชุดผลไม้มงคล โดยวิธีการไหว้ชุดผลไม้มงคล สามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย
ที่มา: สายบุญสายมูต้องมาวัดป่าแดด [3]
สำหรับใครที่ไม่ได้จองชุดผลไม้มงคลไป ก็ยังสามารถไปไหว้ชุดธัญพืชมงคลแทนได้ โดยมีพิธีดังนี้
หากใครที่อยากจะมูแบบเต็มพิกัดต้องบอกก่อนว่า แนะนำให้ไหว้เป็นชุดผลไม้มงคล เพราะทั้ง 2 ชุดจะแต่งต่างกันที่ชุดผลไม้มงคล จะได้ทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผากจากพราหมณ์ผู้ทำพิธี แต่ชุดธัญพืชมงคลจะได้เพียงทำไหว้พระขอพร สรงน้ำศิวลึงค์เท่านั้น แต่จะไม่ได้มีพราหมณ์มาทำพิธีอารตีไฟ และเจิมหน้าผากให้เท่านั้น
สรุปแล้ว วัดป่าแดด เค้ามูพระพิฆเนศ และหลวงพ่อตาหวานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพระพิฆเนศ ผู้คนเชื่อว่าหากได้ไหว้พระพิฆเนศและได้ทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผาก จะถือเป็นการเสริมสร้างสิริมคลให้อย่างยิ่ง และหากอยากทำพิธีอารตีไฟและเจิมหน้าผาก จะต้องจองชุดไหว้ผลไม้มงคลก่อนเท่านั้น หากไม่ได้จองจะไม่สามารถเข้าพิธีได้
เหตุผลที่เปลี่ยนชื่อจากวัดดอนแก้ว เป็นวัดป่าแดด เพราะว่า เนื่องจากสมัยอดีต บริเวณวัดเป็นป่าทึบ ในช่วงเย็นมักจะมีฝูงนกแสกร้องเสียงดัง จนชาวบ้านมักเรียกว่า ป่านกแสก แต่ต่อมาได้เพี้ยนเสียง จนกลายมาเป็น วัดป่าแดด ในปัจจุบัน
ชื่อดังในเชียงใหม่ ที่แนะนำว่าสายมูต้องไป คือ วัดพระธาตุดอยคำ, วัดพระสิงห์วรวิหาร และ วัดเจดีย์หลวง และหากปีนี้ใครเกิดปีชง อย่าลืมไปแก้ชงที่ ศาลเจ้าปุงเถ่ากง ได้เหมือนกัน