ว่านกุมารทอง กันสิ่งไม่ดี ที่คนไทยเชื่อถือ

ว่านกุมารทอง กันสิ่งไม่ดี

ว่านกุมารทอง กันสิ่งไม่ดี คือความเชื่อที่หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมไทย ทั้งในด้านการปกป้องบ้านเรือนและเสริมสิริมงคล พืชชนิดนี้ไม่เพียงมีรูปลักษณ์โดดเด่น แต่ยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในว่านมงคล ที่ช่วยขจัดพลังลบ และเสริมโชคลาภ ดังนั้นเราจะพาไปรู้จัก ว่านกุมารทองในมิติของความเชื่อ สรรพคุณ และการปลูกอย่างถูกวิธี เพื่อเสริมพลังชีวิต

  • ประวัติความเป็นมา ข้อมูลพื้นฐาน และลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของว่านกุมารทอง
  • ความเชื่อเกี่ยวกับว่านกุมารทอง
  • สรรพคุณทางยา (ตามภูมิปัญญาไทย)
  • วิธีปลูกและดูแลว่านกุมารทอง

ประวัติความเป็นมา ว่านกุมารทองในไทย

พ.ศ. 2430–2450: เริ่มแพร่จากล้านนาและลาวเข้าสู่ภาคกลาง
มีหลักฐานจากตำราสมุนไพรและว่านพื้นบ้านระบุว่า ว่านกุมารทอง เป็นหนึ่งในพืชที่นิยมปลูกในภาคเหนือ และอีสานตอนบน โดยเชื่อว่ามีฤทธิ์ป้องกันภูตผี และเสริมโชคลาภ

พ.ศ. 2515: ปรากฏในตำราว่านไทยยุคใหม่
อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ได้รวบรวม “ว่านกุมารทอง” ไว้ในกลุ่มว่านมหามงคลในหนังสือ ตำราว่าน 108 ซึ่งเป็นหนึ่งในตำราที่ได้รับความนิยมสูงในยุคนั้น โดยเน้นสรรพคุณด้านการป้องกันสิ่งไม่ดี และเรียกทรัพย์

พ.ศ. 2560–ปัจจุบัน: ความนิยมในสายมูเตลู และตลาดออนไลน์
ว่านกุมารทองกลับมาได้รับความนิยมในกลุ่มสายมู โดยมีการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมคำแนะนำการปลูกเพื่อเสริมดวง ป้องกันสิ่งอัปมงคล และใช้ประกอบพิธีกรรม

ข้อมูลพื้นฐานของว่านกุมารทอง

  • ชื่อ: ว่านกุมารทอง
  • ชื่อวิทยาศาสตร์: Scadoxus multiflorus (Martyn) Raf.
  • ชื่อสามัญ: Blood Lily, African Blood Lily, Powder Puff Lily
  • ชื่อท้องถิ่น: ว่านกระทุ่ม, ว่านตะกร้อ, ว่านแสงอาทิตย์
  • วงศ์: Amaryllidaceae
  • ถิ่นกำเนิด: ทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะแอฟริกาตะวันออกและตอนใต้

ที่มา: ว่านแสงอาทิตย์ (6 กันยายน 2024) [1]

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของว่านกุมารทอง

  • ลำต้น: เป็นพืชล้มลุก มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวคล้ายหอมหัวใหญ่ เปลือกหัวสีน้ำตาลไหม้ มีจุดแดงคล้ำกระจายทั่วหัว ส่วนที่โผล่พ้นดิน เป็นก้านกลมสีเขียว มีจุดแดงคล้ำตลอดก้าน
  • ดอก: ดอกออกก่อนใบ เป็นช่อแบบซี่ร่ม ลักษณะกลม ประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก กลีบดอกเป็นเส้นฝอยสีแดง ปลายมีสีเหลืองเล็กน้อย ก้านดอกยาวสีเขียว ดอกบานช่วงเมษายน–พฤษภาคม
  • ใบ: ใบเดี่ยว รูปรีแกมขอบขนาน ปลายมน โคนสอบเรียว ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย พื้นใบเขียวสด บิดตัวเล็กน้อย ก้านใบเป็นรูปครึ่งวงกลม หรือหวายผ่าซีก แตกใบจากยอดก้าน
  • ผล: ผลกลมขนาดเล็ก สีส้มแดง เมื่อแก่จัดจะมีเมล็ดภายใน ใช้ขยายพันธุ์ได้ แต่ไม่นิยมเท่าการแยกหัว
  • ราก: รากออกเป็นกระจุกหนาแน่นใต้หัว ดูคล้ายฐานรองหัว ทำให้ดูเหมือนเด็กนั่งบนแท่นไว้ผมจุก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “ว่านกุมารทอง”

ที่มา: ว่านกุมารทอง (21 กรกฎาคม 2017) [2]

ความเชื่อเกี่ยวกับว่านกุมารทอง

ว่านกุมารทอง กันสิ่งไม่ดี
  • ป้องกันสิ่งไม่ดี และภูตผี: เชื่อกันว่า ว่านกุมารทองมีเทวดาคุ้มครอง ช่วยป้องกันสิ่งอัปมงคล ภูตผี และพลังลบจากภายนอก โดยเฉพาะเมื่อปลูกไว้ใกล้ศาลพระภูมิ หรือหน้าบ้าน (27 มีนาคม 2024) [3]
  • เสริมโชคลาภ และการค้าขาย: บ้านหรือร้านค้าที่ปลูกว่านกุมารทอง มักเชื่อว่าจะค้าขายดี มีกำไร ไม่ล่มจม และสามารถอธิษฐานขอในสิ่งที่ปรารถนาได้ เช่นเดียวกับ ว่านกวักโพธิ์ทอง เสริมโชค ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ด้วยความเชื่อว่า “กวักเงิน กวักทอง” เข้าร้านไม่ขาดสาย
  • อยู่ยงคงกระพัน: มีความเชื่อว่า หากนำดอกว่านไปเคี่ยวน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันถั่ว แล้วใช้ทาตัว จะช่วยให้ผู้ใช้มีพลังป้องกันภัย อยู่ยงคงกระพันในทางไสยศาสตร์
  • เสริมสิริมงคลในวันเกิด: นิยมปลูกในวันเกิดของผู้ปลูก พร้อมรดน้ำที่เสกด้วยคาถา “นะโมพุทธายะ” 3 หรือ 7 จบ เพื่อเสริมพลังชีวิต และความเป็นสิริมงคล

สรรพคุณทางยา (ตามภูมิปัญญาไทย)

หัวว่าน:

  • ใช้บดผสมกับน้ำมันมะพร้าว เพื่อทาแก้ฟกช้ำ บวม และปวดเมื่อย
  • มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
  • บางตำรับใช้หัวว่านต้มกับสมุนไพรอื่น เพื่อขับลม และบำรุงธาตุไฟ

ดอกว่าน:

  • เคี่ยวน้ำมันใช้ทาแก้เคล็ดขัดยอก และเสริมฤทธิ์อยู่ยงคงกระพัน (ตามความเชื่อ)
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ในระดับเบื้องต้น จากกลุ่มฟลาโวนอยด์

ใบว่าน:

  • ใช้ตำพอกแผลสดหรือแผลฟกช้ำเล็กน้อย
  • มีฤทธิ์ลดการอักเสบในตำรับพื้นบ้านบางพื้นที่

วิธีปลูกและดูแลว่านกุมารทอง

การปลูก

  • การขยายพันธุ์: นิยมแยกหัวใต้ดิน หรือต้นใหม่ที่แตกออกมา
  • วัสดุปลูก: ใช้ดินร่วนผสมทรายหรือดินเผาไฟ เพื่อให้โปร่งและระบายน้ำดี
  • ภาชนะ: นิยมปลูกในกระถางดินเผาขนาดกลาง หรือใหญ่ เพื่อให้หัวว่านมีพื้นที่ขยาย
  • การปลูกหัวว่าน: กลบดินพอมิดหัว ไม่ลึกเกินไป หัวควรโผล่เล็กน้อย เพื่อป้องกันเน่า
  • ตำแหน่ง: วางในที่ร่มรำไร รดน้ำที่เสกด้วยคาถา “นะโมพุทธายะ” 3 หรือ 7 จบ เพื่อเสริมสิริมงคล

การดูแล

  • รดน้ำ: วันละ 1 ครั้งในช่วงเช้า โดยไม่ให้แฉะเกินไป
  • ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยละลายช้าเดือนละครั้ง เพื่อเร่งดอกและใบ
  • การควบคุมโรค: หมั่นตรวจรากและหัวว่าน ไม่ให้เกิดเชื้อรา หากพบให้เปลี่ยนดิน และงดน้ำชั่วคราว

สรุป ว่านกุมารทอง กันสิ่งไม่ดี ปลูกง่าย ใช้ได้จริง

โดยสรุป ว่านกุมารทอง กันสิ่งไม่ดี เป็นมากกว่าพืชมงคล คือสัญลักษณ์แห่งการปกป้อง และเสริมพลังชีวิตตามความเชื่อไทย ด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น และความเชื่อเรื่องโชคลาภ ว่านชนิดนี้จึงได้รับความนิยมทั้งในบ้านและร้านค้า แม้ไม่มีการรับรองทางการแพทย์ แต่การปลูกด้วยศรัทธา และดูแลอย่างถูกวิธี ยังคงเป็นวิถีที่สืบทอดอย่างมั่นคงในสังคมไทย

ควรปลูกว่านกุมารทองไว้ตรงไหนของบ้าน?

ควรปลูกว่านกุมารทองไว้บริเวณ หน้าบ้าน ใกล้ทางเข้า หรือใกล้ศาลพระภูมิ เพื่อเสริมพลังปกป้องและเรียกโชคลาภตามความเชื่อไทย โดยเฉพาะหากปลูกในกระถางตั้งไว้หน้าร้านค้า จะช่วยเสริมเสน่ห์มหานิยมและเรียกลูกค้าเข้าร้านไม่ขาด

ว่านกุมารทองต่างจากว่านกวักโพธิ์ทองอย่างไร?

ว่านกุมารทองเน้นป้องกันสิ่งไม่ดี ส่วนว่านกวักโพธิ์ทองเน้นเรียกทรัพย์ และโชคลาภ ทั้งสองเป็นว่านมงคลที่ได้รับความนิยม แต่มีความเชื่อ และลักษณะเด่นต่างกันชัดเจน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง