หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกาย สำคัญแค่ไหนที่คุณควรรู้ไว้

หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกาย

หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกาย คือระบบที่หลายคนอาจมองข้าม ทั้งที่มันคือกลไกหลักที่ช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างสมบูรณ์ ถ้าเปรียบร่างกายเป็นเมืองใหญ่ หลอดเลือดก็คือถนนที่เชื่อมทุกอย่างไว้ด้วยกัน ตั้งแต่หัวใจไปจนถึงปลายนิ้วเท้า หลอดเลือดแต่ละแบบมีหน้าที่เฉพาะตัว ถ้ารู้จักและเข้าใจ ก็จะดูแลสุขภาพของตัวเองได้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ

  • ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลอดเลือด
  • การทำงานของหลอดเลือด
  • โรคที่พบได้บ่อย

ทำความรู้จักกับหลอดเลือดต่างๆ แบบเข้าใจง่าย

ก่อนจะไปดูแลสุขภาพให้ดี เรามาทำความรู้จักกับ หลอดเลือดต่างๆ ก่อนดีกว่า หลอดเลือดมีอยู่ในร่างกายของเราทุกส่วนเลยค่ะ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันและทำงานสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ ถ้าเราเข้าใจว่าแต่ละแบบคืออะไร ทำหน้าที่แบบไหน ก็จะสามารถป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลอดเลือด (Blood vessels) คือทางเดินของเลือดในร่างกาย เปรียบเสมือนถนนที่ใช้ลำเลียงเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อให้ออกซิเจนและสารอาหารเดินทางไปยังเซลล์ และขนของเสียกลับออกมา [1]

หลอดเลือดแดง – เส้นทางออกจากหัวใจ

หลอดเลือดแดงเป็นหลอดเลือดที่นำเลือดออกจากหัวใจไปยังอวัยวะต่าง ๆ โดยเลือดจะมีออกซิเจนสูง พร้อมไปเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย เส้นเลือดแดงจะมีผนังหนาและยืดหยุ่น เพื่อทนแรงดันจากการบีบตัวของหัวใจ อาทิ หลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta) คือเส้นหลักที่เริ่มต้นการเดินทางนี้เลยค่ะ

  • เป็นเส้นทาง “ขาออก” ของระบบไหลเวียนเลือด
  • เลือดส่วนใหญ่ในหลอดเลือดแดงจะมี ออกซิเจนสูง (สดใหม่)
  • ผนังหลอดเลือดหนาและยืดหยุ่น เพราะต้องทนต่อแรงดันสูงจากการบีบตัวของหัวใจ

หลอดเลือดแดง คือหลอดเลือดที่ทำหน้าที่นำเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเลือดส่วนใหญ่ในหลอดเลือดแดงจะมีออกซิเจนสูง ยกเว้นหลอดเลือดแดงปอดที่พาเลือดไปฟอกที่ปอดก่อน

มีเส้นทางสำคัญ 2 เส้น:

  • หลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta): นำเลือดออกจากหัวใจห้องล่างซ้ายไปเลี้ยงทั่วร่างกาย
  • หลอดเลือดแดงปอด (Pulmonary artery): นำเลือดออกจากหัวใจห้องล่างขวาไปยังปอดเพื่อแลกเปลี่ยนแก๊ส

ที่มา: ภาพรวมของระบบหลอดเลือด [2]

หลอดเลือดดำ – เส้นทางกลับสู่หัวใจ

หลอดเลือดดำคือท่อที่นำเลือดกลับสู่หัวใจ โดยเลือดที่ไหลกลับมาจะมีคาร์บอนไดออกไซด์สูง เพราะผ่านการใช้งานจากเซลล์ต่าง ๆ แล้วหลอดเลือดดำมีลิ้นเล็ก ๆ ป้องกันเลือดไหลย้อนกลับ และมักจะอยู่ใกล้ผิวหนัง ได้แก่ เส้นเลือดดำที่เห็นตามแขนขา

เลือดในหลอดเลือดดำมักมีคาร์บอนไดออกไซด์สูง เพราะเป็นเลือดที่ผ่านการใช้งานจากเซลล์ต่าง ๆ แล้วผนังหลอดเลือดดำบางกว่าเลือดแดง และแรงดันต่ำกว่า ภายในมี ลิ้นเล็ก ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ หลอดเลือดดำจำนวนมากจะอยู่ใกล้กับผิวหนัง ได้แก่ เส้นเลือดดำที่เห็นได้ตามแขนหรือขา

เลือดจากร่างกายจะเข้าสู่หัวใจห้องบนขวา ก่อนจะถูกส่งไปฟอกที่ปอดผ่านหลอดเลือดแดงปอด

หลอดเลือดฝอย   “ซอยเล็กซอกซอย”

หลอดเลือดฝอยเป็นหลอดเลือดขนาดเล็กที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่เชื่อมต่อหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ ผนังบางเพียงชั้นเดียว ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนสาร ออกซิเจนและสารอาหารจากเลือดส่งไปยังเซลล์ พร้อมกับรับของเสียและคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์กลับมา

หลอดเลือดฝอยช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างทั่วถึง และขจัดของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ พบอยู่ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในเนื้อเยื่อที่ต้องการออกซิเจนมาก เปรียบเสมือนซอยเล็ก ๆ ที่เลือดต้องผ่านเพื่อเข้าไปถึงทุกมุมของร่างกาย
ที่มา: หลอดเลือดต่าง ๆ ในร่างกาย [3]

บทบาท ของหลอดเลือดฝอยในร่างกาย

หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกาย

หลอดเลือดฝอยอาจดูเล็ก แต่มีบทบาทใหญ่ในร่างกายเรามากเลยนะคะ มันคือเส้นเลือดที่เชื่อมระหว่างหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดดำ เป็นจุดที่มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจน สารอาหาร และของเสียกับเซลล์ต่าง ๆ เกิดขึ้น ซึ่งกระบวนการเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เซลล์มีชีวิตและทำงานได้ต่อเนื่อง

หลอดเลือดฝอยอาจดูเล็ก แต่มีบทบาทสำคัญในร่างกายเรามากเลยค่ะ มันคือเส้นเลือดที่เชื่อมระหว่างหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดดำ ที่นี่เป็นจุดที่เกิดการแลกเปลี่ยนออกซิเจน สารอาหาร และของเสียกับเซลล์ต่าง ๆ กระบวนการเหล่านี้ช่วยให้เซลล์มีชีวิตและทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

การแลกเปลี่ยนก๊าซและสารอาหารในหลอดเลือดฝอย

ในหลอดเลือดฝอย ซึ่งเป็นเส้นเลือดที่เล็กที่สุดในร่างกาย ผนังหลอดเลือดบางมากเพียงชั้นเดียว ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซและสารอาหารได้ง่าย ออกซิเจนและสารอาหารจากเลือดในหลอดเลือดฝอยจะผ่านผนังหลอดเลือดไปยังเซลล์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการสร้างพลังงาน

ในขณะเดียวกัน เซลล์จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และของเสียกลับเข้าสู่เลือดในหลอดเลือดฝอย กระบวนการนี้ช่วยรักษาสมดุลของสารในร่างกาย และทำให้เซลล์มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการทำงาน โดยการแลกเปลี่ยนเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดและเซลล์ในร่างกายทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ความเปราะบางและความสำคัญของหลอดเลือดฝอย

หลอดเลือดฝอยเป็นเส้นเลือดที่มีขนาดเล็กที่สุดในระบบไหลเวียนเลือด ผนังของหลอดเลือดฝอยบางมาก โดยประกอบด้วยชั้นเซลล์เดียวเท่านั้น ทำให้หลอดเลือดฝอยมีความเปราะบางสูงและอ่อนแอเมื่อเทียบกับหลอดเลือดแดงหรือหลอดเลือดดำที่มีผนังหนาและแข็งแรงกว่า ความบางนี้เป็นข้อดีในแง่ของการทำหน้าที่สำคัญของหลอดเลือดฝอย 

ความเปราะบางของหลอดเลือดฝอยทำให้มันเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายได้ง่าย ได้แก่ การแตกหักหรือการรั่วไหลของเลือดในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเลือดออกใต้ผิวหนังหรือบวมได้ แต่ในขณะเดียวกัน ความบางนี้ก็ช่วยให้ก๊าซออกซิเจน สารอาหาร และของเสียสามารถผ่านผนังหลอดเลือดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

หลอดเลือดฝอยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสมดุลของระบบร่างกาย เพราะที่นี่คือจุดที่เซลล์ต่าง ๆ ได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการทำงานและการเจริญเติบโต รวมถึงการขจัดของเสียและคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์กลับสู่ระบบไหลเวียนเลือด เพื่อถูกขับออกจากร่างกายในที่สุด

วิธีดูแล หลอดเลือด ให้แข็งแรง

วิธีดูแลหลอดเลือดให้แข็งแรง

  1. กินอาหารสุขภาพ
    เลือกกินผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และอาหารที่มีไขมันดี อาทิ ปลาแซลมอน อะโวคาโด และถั่ว หลีกเลี่ยงอาหารมันและหวานจัด ผักมีประโยชน์มากกว่านี้อีกเพียบ อ่านต่อได้ที่ ประโยชน์ของผัก มีอะไรบ้าง
  2. ออกกำลังกายเป็นประจำ
    การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดความดันโลหิต และช่วยควบคุมน้ำหนัก
  3. เลิกสูบบุหรี่
    บุหรี่ทำลายผนังหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
  4. ควบคุมน้ำหนัก
    น้ำหนักเกินทำให้หลอดเลือดทำงานหนักขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน
  5. ควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด
    ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอและดูแลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  6. พักผ่อนให้เพียงพอ
    การนอนหลับที่ดีช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมหลอดเลือดและระบบไหลเวียนเลือด
  7. ลดความเครียด
    ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อหัวใจและหลอดเลือด ลองทำสมาธิหรือกิจกรรมผ่อนคลาย
  8. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    น้ำช่วยให้เลือดไหลเวียนดีและช่วยลดความข้นของเลือด
  9. หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานเกินไป
    เคลื่อนไหวบ้างเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันเลือดขังในหลอดเลือดดำ

ปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรค ที่ควรหลีกเลี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง

  1. สูบบุหรี่ สารพิษในบุหรี่ทำลายผนังหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
  2. กินอาหารไขมันสูงและหวานจัด ไขมันทรานส์ ไขมันอิ่มตัว และน้ำตาลมาก ทำให้เกิดคราบไขมันเกาะในหลอดเลือด
  3. ไม่ออกกำลังกาย การไม่เคลื่อนไหวทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดตีบ
  4. ความเครียดเรื้อรัง ทำให้ความดันโลหิตสูง และส่งผลเสียต่อหัวใจและหลอดเลือด
  5. น้ำหนักเกิน/โรคอ้วน เพิ่มภาระให้หัวใจและหลอดเลือด ทำให้เสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
  6. ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ส่งผลเสียต่อความดันโลหิตและระบบหัวใจ
  7. ขาดการควบคุมโรคประจำตัว อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หากไม่ควบคุมจะทำลายหลอดเลือด
  8. นั่งหรือนอนนิ่งนานเกินไป ทำให้เลือดขัง เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ

โรคที่พบบ่อยเกี่ยวกับ หลอดเลือดต่างๆ

โรคที่พบบ่อยเกี่ยวกับหลอดเลือด

  1. โรคหลอดเลือดแดงตีบ (Atherosclerosis)
    เกิดจากคราบไขมันสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแคบลงและเลือดไหลผ่านได้น้อย
  2. โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease)
    เมื่อหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ ทำให้เจ็บหน้าอกหรือหัวใจวายได้
  3. โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
    เกิดจากหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก ทำให้สมองขาดเลือดและเสียหาย
  4. เส้นเลือดขอด (Varicose veins)
    หลอดเลือดดำขยายใหญ่และผิดรูป ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี มักพบที่ขา
  5. ลิ่มเลือดอุดตัน (Deep vein thrombosis – DVT)
    ลิ่มเลือดเกิดในหลอดเลือดดำลึกในร่างกาย โดยเฉพาะขา อาจอันตรายถ้าลิ่มเลือดหลุดไปอุดหลอดเลือดปอด
  6. หลอดเลือดโป่งพอง (Aneurysm)
    ผนังหลอดเลือดบางลงและโป่งออก อาจเสี่ยงต่อการแตกและทำให้เสียชีวิตได้

ความผิดปกติของหลอดเลือด ที่คุณไม่ควรมองข้าม

สุขภาพของหลอดเลือดสามารถส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้แบบที่เราคาดไม่ถึงเลยนะคะ ถ้าหลอดเลือดเสื่อมลง อุดตัน หรือแข็งตัว ก็สามารถเป็นต้นเหตุของโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้มากมาย การรู้ทันสัญญาณเตือนจะช่วยให้เรารับมือได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ สัมพันธ์กันยังไง

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากหลอดเลือดในสมองตีบหรืออุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ หรือหลอดเลือดแตกทำให้เลือดไหลออกไปในสมอง ส่งผลให้เซลล์สมองบางส่วนตาย ทำให้เกิดอาการชา อ่อนแรง พูดลำบาก หรือเสียการทรงตัวได้ โรคนี้เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันความเสียหายถาวร

โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
โรคนี้เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ
อาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก หรือในกรณีรุนแรงอาจเกิดหัวใจวายได้
สาเหตุหลักมักมาจากคราบไขมันสะสมในหลอดเลือด (Atherosclerosis) และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และการสูบบุหรี่

ทั้งสองโรคนี้มีความสัมพันธ์กับความเสื่อมของหลอดเลือดและการอุดตันของหลอดเลือด การควบคุมปัจจัยเสี่ยง เช่น ควบคุมความดันโลหิต น้ำหนัก และเลิกบุหรี่จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคเหล่านี้

ความดันโลหิตสูงกับระบบหลอดเลือด สัมพันธ์กันยังไง

ความดันโลหิตสูง คือภาวะที่แรงดันเลือดในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติ เป็นภาวะที่ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพราะต้องสูบฉีดเลือดด้วยแรงมากขึ้น เมื่อความดันโลหิตสูงเกิดขึ้นนาน ๆ จะส่งผลเสียต่อผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว (เรียกว่า “หลอดเลือดแข็ง”) ซึ่งทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง

หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกาย ที่แข็งและตีบจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ส่งผลให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง ภาวะนี้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรังการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติด้วยการปรับพฤติกรรม เช่น กินอาหารสุขภาพ ออกกำลังกาย และกินยาตามแพทย์สั่ง จะช่วยลดผลกระทบหลอดเลือดได้อย่างมาก

โดยสรุป หลอดเลือดในร่างกาย สำคัญมาก

โดยสรุป หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกาย คือระบบพื้นฐานที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าเรารู้จักหน้าที่ของมัน เข้าใจการทำงานของหลอดเลือดแต่ละประเภท และหมั่นดูแลสุขภาพอยู่เสมอ ก็จะลดความเสี่ยงของโรคได้มากขึ้น อย่ารอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยดูแลเลยนะคะ เริ่มตั้งแต่วันนี้ยังทันเสมอ

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าหลอดเลือดมีปัญหา

หากหลอดเลือดมีปัญหา อาจสังเกตได้จากอาการเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก ชาหรืออ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง ขาเย็นหรือปวดเวลาเดิน ความดันสูง หรือสมรรถภาพทางเพศลดลง ควรตรวจด้วยคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจไขมันในเลือด อัลตราซาวด์หลอดเลือด หรือเอกซเรย์หลอดเลือด หากมีอาการหรือปัจจัยเสี่ยงควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมค่ะ

อาหารที่ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงบ้าง

ผักใบเขียว เช่น คะน้า ตำลึง บรอกโคลี อุดมด้วยไนเตรตธรรมชาติ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความดันโลหิต
ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า มีโอเมก้า-3 ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ลดการอักเสบของหลอดเลือด ประโยชน์ของผักนั้นไม่ได้มีเพียงเท่านี้ อ่านต่อได้ที่ ประโยชน์ของผัก มีอะไรบ้าง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง