
หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกาย สำคัญแค่ไหนที่คุณควรรู้ไว้
- cloverflower
- 48 views

หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกาย คือระบบที่หลายคนอาจมองข้าม ทั้งที่มันคือกลไกหลักที่ช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างสมบูรณ์ ถ้าเปรียบร่างกายเป็นเมืองใหญ่ หลอดเลือดก็คือถนนที่เชื่อมทุกอย่างไว้ด้วยกัน ตั้งแต่หัวใจไปจนถึงปลายนิ้วเท้า หลอดเลือดแต่ละแบบมีหน้าที่เฉพาะตัว ถ้ารู้จักและเข้าใจ ก็จะดูแลสุขภาพของตัวเองได้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ
- ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลอดเลือด
- การทำงานของหลอดเลือด
- โรคที่พบได้บ่อย
ทำความรู้จักกับหลอดเลือดต่างๆ แบบเข้าใจง่าย
ก่อนจะไปดูแลสุขภาพให้ดี เรามาทำความรู้จักกับ หลอดเลือดต่างๆ ก่อนดีกว่า หลอดเลือดมีอยู่ในร่างกายของเราทุกส่วนเลยค่ะ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันและทำงานสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ ถ้าเราเข้าใจว่าแต่ละแบบคืออะไร ทำหน้าที่แบบไหน ก็จะสามารถป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลอดเลือด (Blood vessels) คือทางเดินของเลือดในร่างกาย เปรียบเสมือนถนนที่ใช้ลำเลียงเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อให้ออกซิเจนและสารอาหารเดินทางไปยังเซลล์ และขนของเสียกลับออกมา [1]
หลอดเลือดแดง – เส้นทางออกจากหัวใจ
หลอดเลือดแดงเป็นหลอดเลือดที่นำเลือดออกจากหัวใจไปยังอวัยวะต่าง ๆ โดยเลือดจะมีออกซิเจนสูง พร้อมไปเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย เส้นเลือดแดงจะมีผนังหนาและยืดหยุ่น เพื่อทนแรงดันจากการบีบตัวของหัวใจ อาทิ หลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta) คือเส้นหลักที่เริ่มต้นการเดินทางนี้เลยค่ะ
- เป็นเส้นทาง “ขาออก” ของระบบไหลเวียนเลือด
- เลือดส่วนใหญ่ในหลอดเลือดแดงจะมี ออกซิเจนสูง (สดใหม่)
- ผนังหลอดเลือดหนาและยืดหยุ่น เพราะต้องทนต่อแรงดันสูงจากการบีบตัวของหัวใจ
หลอดเลือดแดง คือหลอดเลือดที่ทำหน้าที่นำเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเลือดส่วนใหญ่ในหลอดเลือดแดงจะมีออกซิเจนสูง ยกเว้นหลอดเลือดแดงปอดที่พาเลือดไปฟอกที่ปอดก่อน
มีเส้นทางสำคัญ 2 เส้น:
- หลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta): นำเลือดออกจากหัวใจห้องล่างซ้ายไปเลี้ยงทั่วร่างกาย
- หลอดเลือดแดงปอด (Pulmonary artery): นำเลือดออกจากหัวใจห้องล่างขวาไปยังปอดเพื่อแลกเปลี่ยนแก๊ส
ที่มา: ภาพรวมของระบบหลอดเลือด [2]
หลอดเลือดดำ – เส้นทางกลับสู่หัวใจ
หลอดเลือดดำคือท่อที่นำเลือดกลับสู่หัวใจ โดยเลือดที่ไหลกลับมาจะมีคาร์บอนไดออกไซด์สูง เพราะผ่านการใช้งานจากเซลล์ต่าง ๆ แล้วหลอดเลือดดำมีลิ้นเล็ก ๆ ป้องกันเลือดไหลย้อนกลับ และมักจะอยู่ใกล้ผิวหนัง ได้แก่ เส้นเลือดดำที่เห็นตามแขนขา
เลือดในหลอดเลือดดำมักมีคาร์บอนไดออกไซด์สูง เพราะเป็นเลือดที่ผ่านการใช้งานจากเซลล์ต่าง ๆ แล้วผนังหลอดเลือดดำบางกว่าเลือดแดง และแรงดันต่ำกว่า ภายในมี ลิ้นเล็ก ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ หลอดเลือดดำจำนวนมากจะอยู่ใกล้กับผิวหนัง ได้แก่ เส้นเลือดดำที่เห็นได้ตามแขนหรือขา
เลือดจากร่างกายจะเข้าสู่หัวใจห้องบนขวา ก่อนจะถูกส่งไปฟอกที่ปอดผ่านหลอดเลือดแดงปอด
หลอดเลือดฝอย “ซอยเล็กซอกซอย”
หลอดเลือดฝอยเป็นหลอดเลือดขนาดเล็กที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่เชื่อมต่อหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ ผนังบางเพียงชั้นเดียว ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนสาร ออกซิเจนและสารอาหารจากเลือดส่งไปยังเซลล์ พร้อมกับรับของเสียและคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์กลับมา
หลอดเลือดฝอยช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างทั่วถึง และขจัดของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ พบอยู่ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในเนื้อเยื่อที่ต้องการออกซิเจนมาก เปรียบเสมือนซอยเล็ก ๆ ที่เลือดต้องผ่านเพื่อเข้าไปถึงทุกมุมของร่างกาย
ที่มา: หลอดเลือดต่าง ๆ ในร่างกาย [3]
บทบาท ของหลอดเลือดฝอยในร่างกาย

หลอดเลือดฝอยอาจดูเล็ก แต่มีบทบาทใหญ่ในร่างกายเรามากเลยนะคะ มันคือเส้นเลือดที่เชื่อมระหว่างหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดดำ เป็นจุดที่มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจน สารอาหาร และของเสียกับเซลล์ต่าง ๆ เกิดขึ้น ซึ่งกระบวนการเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เซลล์มีชีวิตและทำงานได้ต่อเนื่อง
หลอดเลือดฝอยอาจดูเล็ก แต่มีบทบาทสำคัญในร่างกายเรามากเลยค่ะ มันคือเส้นเลือดที่เชื่อมระหว่างหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดดำ ที่นี่เป็นจุดที่เกิดการแลกเปลี่ยนออกซิเจน สารอาหาร และของเสียกับเซลล์ต่าง ๆ กระบวนการเหล่านี้ช่วยให้เซลล์มีชีวิตและทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
การแลกเปลี่ยนก๊าซและสารอาหารในหลอดเลือดฝอย
ในหลอดเลือดฝอย ซึ่งเป็นเส้นเลือดที่เล็กที่สุดในร่างกาย ผนังหลอดเลือดบางมากเพียงชั้นเดียว ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซและสารอาหารได้ง่าย ออกซิเจนและสารอาหารจากเลือดในหลอดเลือดฝอยจะผ่านผนังหลอดเลือดไปยังเซลล์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการสร้างพลังงาน
ในขณะเดียวกัน เซลล์จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และของเสียกลับเข้าสู่เลือดในหลอดเลือดฝอย กระบวนการนี้ช่วยรักษาสมดุลของสารในร่างกาย และทำให้เซลล์มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการทำงาน โดยการแลกเปลี่ยนเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดและเซลล์ในร่างกายทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ความเปราะบางและความสำคัญของหลอดเลือดฝอย
หลอดเลือดฝอยเป็นเส้นเลือดที่มีขนาดเล็กที่สุดในระบบไหลเวียนเลือด ผนังของหลอดเลือดฝอยบางมาก โดยประกอบด้วยชั้นเซลล์เดียวเท่านั้น ทำให้หลอดเลือดฝอยมีความเปราะบางสูงและอ่อนแอเมื่อเทียบกับหลอดเลือดแดงหรือหลอดเลือดดำที่มีผนังหนาและแข็งแรงกว่า ความบางนี้เป็นข้อดีในแง่ของการทำหน้าที่สำคัญของหลอดเลือดฝอย
ความเปราะบางของหลอดเลือดฝอยทำให้มันเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายได้ง่าย ได้แก่ การแตกหักหรือการรั่วไหลของเลือดในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเลือดออกใต้ผิวหนังหรือบวมได้ แต่ในขณะเดียวกัน ความบางนี้ก็ช่วยให้ก๊าซออกซิเจน สารอาหาร และของเสียสามารถผ่านผนังหลอดเลือดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
หลอดเลือดฝอยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสมดุลของระบบร่างกาย เพราะที่นี่คือจุดที่เซลล์ต่าง ๆ ได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการทำงานและการเจริญเติบโต รวมถึงการขจัดของเสียและคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์กลับสู่ระบบไหลเวียนเลือด เพื่อถูกขับออกจากร่างกายในที่สุด
วิธีดูแล หลอดเลือด ให้แข็งแรง
วิธีดูแลหลอดเลือดให้แข็งแรง
- กินอาหารสุขภาพ
เลือกกินผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และอาหารที่มีไขมันดี อาทิ ปลาแซลมอน อะโวคาโด และถั่ว หลีกเลี่ยงอาหารมันและหวานจัด ผักมีประโยชน์มากกว่านี้อีกเพียบ อ่านต่อได้ที่ ประโยชน์ของผัก มีอะไรบ้าง - ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดความดันโลหิต และช่วยควบคุมน้ำหนัก - เลิกสูบบุหรี่
บุหรี่ทำลายผนังหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด - ควบคุมน้ำหนัก
น้ำหนักเกินทำให้หลอดเลือดทำงานหนักขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน - ควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด
ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอและดูแลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ - พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับที่ดีช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมหลอดเลือดและระบบไหลเวียนเลือด - ลดความเครียด
ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อหัวใจและหลอดเลือด ลองทำสมาธิหรือกิจกรรมผ่อนคลาย - ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำช่วยให้เลือดไหลเวียนดีและช่วยลดความข้นของเลือด - หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานเกินไป
เคลื่อนไหวบ้างเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันเลือดขังในหลอดเลือดดำ
ปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรค ที่ควรหลีกเลี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง
- สูบบุหรี่ สารพิษในบุหรี่ทำลายผนังหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
- กินอาหารไขมันสูงและหวานจัด ไขมันทรานส์ ไขมันอิ่มตัว และน้ำตาลมาก ทำให้เกิดคราบไขมันเกาะในหลอดเลือด
- ไม่ออกกำลังกาย การไม่เคลื่อนไหวทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดตีบ
- ความเครียดเรื้อรัง ทำให้ความดันโลหิตสูง และส่งผลเสียต่อหัวใจและหลอดเลือด
- น้ำหนักเกิน/โรคอ้วน เพิ่มภาระให้หัวใจและหลอดเลือด ทำให้เสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ส่งผลเสียต่อความดันโลหิตและระบบหัวใจ
- ขาดการควบคุมโรคประจำตัว อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หากไม่ควบคุมจะทำลายหลอดเลือด
- นั่งหรือนอนนิ่งนานเกินไป ทำให้เลือดขัง เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
โรคที่พบบ่อยเกี่ยวกับ หลอดเลือดต่างๆ
โรคที่พบบ่อยเกี่ยวกับหลอดเลือด
- โรคหลอดเลือดแดงตีบ (Atherosclerosis)
เกิดจากคราบไขมันสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแคบลงและเลือดไหลผ่านได้น้อย - โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease)
เมื่อหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ ทำให้เจ็บหน้าอกหรือหัวใจวายได้ - โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
เกิดจากหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก ทำให้สมองขาดเลือดและเสียหาย - เส้นเลือดขอด (Varicose veins)
หลอดเลือดดำขยายใหญ่และผิดรูป ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี มักพบที่ขา - ลิ่มเลือดอุดตัน (Deep vein thrombosis – DVT)
ลิ่มเลือดเกิดในหลอดเลือดดำลึกในร่างกาย โดยเฉพาะขา อาจอันตรายถ้าลิ่มเลือดหลุดไปอุดหลอดเลือดปอด - หลอดเลือดโป่งพอง (Aneurysm)
ผนังหลอดเลือดบางลงและโป่งออก อาจเสี่ยงต่อการแตกและทำให้เสียชีวิตได้
ความผิดปกติของหลอดเลือด ที่คุณไม่ควรมองข้าม
สุขภาพของหลอดเลือดสามารถส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้แบบที่เราคาดไม่ถึงเลยนะคะ ถ้าหลอดเลือดเสื่อมลง อุดตัน หรือแข็งตัว ก็สามารถเป็นต้นเหตุของโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้มากมาย การรู้ทันสัญญาณเตือนจะช่วยให้เรารับมือได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ สัมพันธ์กันยังไง
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากหลอดเลือดในสมองตีบหรืออุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ หรือหลอดเลือดแตกทำให้เลือดไหลออกไปในสมอง ส่งผลให้เซลล์สมองบางส่วนตาย ทำให้เกิดอาการชา อ่อนแรง พูดลำบาก หรือเสียการทรงตัวได้ โรคนี้เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันความเสียหายถาวร
โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
โรคนี้เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ
อาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก หรือในกรณีรุนแรงอาจเกิดหัวใจวายได้
สาเหตุหลักมักมาจากคราบไขมันสะสมในหลอดเลือด (Atherosclerosis) และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และการสูบบุหรี่
ทั้งสองโรคนี้มีความสัมพันธ์กับความเสื่อมของหลอดเลือดและการอุดตันของหลอดเลือด การควบคุมปัจจัยเสี่ยง เช่น ควบคุมความดันโลหิต น้ำหนัก และเลิกบุหรี่จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคเหล่านี้
ความดันโลหิตสูงกับระบบหลอดเลือด สัมพันธ์กันยังไง
ความดันโลหิตสูง คือภาวะที่แรงดันเลือดในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติ เป็นภาวะที่ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพราะต้องสูบฉีดเลือดด้วยแรงมากขึ้น เมื่อความดันโลหิตสูงเกิดขึ้นนาน ๆ จะส่งผลเสียต่อผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว (เรียกว่า “หลอดเลือดแข็ง”) ซึ่งทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง
หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกาย ที่แข็งและตีบจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ส่งผลให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง ภาวะนี้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรังการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติด้วยการปรับพฤติกรรม เช่น กินอาหารสุขภาพ ออกกำลังกาย และกินยาตามแพทย์สั่ง จะช่วยลดผลกระทบหลอดเลือดได้อย่างมาก
โดยสรุป หลอดเลือดในร่างกาย สำคัญมาก
โดยสรุป หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกาย คือระบบพื้นฐานที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าเรารู้จักหน้าที่ของมัน เข้าใจการทำงานของหลอดเลือดแต่ละประเภท และหมั่นดูแลสุขภาพอยู่เสมอ ก็จะลดความเสี่ยงของโรคได้มากขึ้น อย่ารอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยดูแลเลยนะคะ เริ่มตั้งแต่วันนี้ยังทันเสมอ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าหลอดเลือดมีปัญหา
หากหลอดเลือดมีปัญหา อาจสังเกตได้จากอาการเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก ชาหรืออ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง ขาเย็นหรือปวดเวลาเดิน ความดันสูง หรือสมรรถภาพทางเพศลดลง ควรตรวจด้วยคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจไขมันในเลือด อัลตราซาวด์หลอดเลือด หรือเอกซเรย์หลอดเลือด หากมีอาการหรือปัจจัยเสี่ยงควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมค่ะ
อาหารที่ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงบ้าง
ผักใบเขียว เช่น คะน้า ตำลึง บรอกโคลี อุดมด้วยไนเตรตธรรมชาติ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความดันโลหิต
ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า มีโอเมก้า-3 ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ลดการอักเสบของหลอดเลือด ประโยชน์ของผักนั้นไม่ได้มีเพียงเท่านี้ อ่านต่อได้ที่ ประโยชน์ของผัก มีอะไรบ้าง
- Tags: สุขภาพ


