
เวทเทรนนิ่ง คืออะไร การยกน้ำหนัก หรือการใช้อุปกรณ์ออกกำลังกาย สามารถเปลี่ยนรูปร่าง และความแข็งแรง ของร่างกายได้จริงหรือไม่
เวทเทรนนิ่ง คือ รูปแบบการออกกำลังกาย ที่เน้นการใช้แรงต้าน (Resistance) เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น สามารถใช้ทั้งน้ำหนักตัวของเราเอง เช่น วิดพื้น สควอต ดึงข้อ หรือใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ดัมเบล บาร์เบล เครื่องยกน้ำหนัก และสายยางยืด เป็นต้น
จุดประสงค์หลัก ของเวทเทรนนิ่งคือ การสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพิ่มความทนทาน ปรับสภาพร่างกายให้กระชับ รวมถึงช่วยเสริมการทำงาน ของกระดูกและข้อต่อ การฝึกเวทเทรนนิ่ง สามารถปรับให้เหมาะกับทุกวัย และระดับความแข็งแรงให้เหมาะสม (3 ตุลาคม 2025) [1]
เวทเทรนนิ่งเริ่มต้นมา ตั้งแต่ยุคโบราณ โดยมีจุดเริ่มต้นจาก ความต้องการเสริมสร้าง ความแข็งแรงของร่างกาย เพื่อการล่าสัตว์ ต่อสู้ หรือปกป้องตัวเอง ในสมัยกรีกโบราณและโรมัน นักกีฬา – ทหาร มักฝึกใช้แรงต้าน จากก้อนหิน น้ำหนักโลหะ หรืออุปกรณ์จำลองน้ำหนัก
ต่อมาในศตวรรษที่ 18 – 19 เริ่มมีการพัฒนา การออกกำลังกาย ด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า “ดัมเบล” และ “บาร์เบล” อย่างเป็นระบบในยุโรป โดยเน้นการสร้างกล้ามเนื้อ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ (21 ตุลาคม 2024) [2]
และในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เวทเทรนนิ่งเริ่มเข้ามา ในวงการกีฬาอาชีพ เช่น ยกน้ำหนัก แข่งขันเพาะกาย จนกลายเป็นรูปแบบการออกกำลังกายยอดนิยม ที่ไม่จำกัดเฉพาะนักกีฬา แต่เหมาะกับคนทั่วไป ที่ต้องการเสริมความแข็งแรง และสุขภาพที่ดี
การพัฒนาของเวทเทรนนิ่ง สู่รูปแบบสมัยใหม่ เริ่มชัดเจนตั้งแต่ กลางศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา เมื่อมีการนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา และสรีรวิทยา มาประยุกต์กับการฝึกกล้ามเนื้อ ทำให้การออกกำลังกาย มีความปลอดภัย และได้ผลมากขึ้น
ในช่วงแรก เวทเทรนนิ่งสมัยใหม่ ยังเน้นการฝึกด้วยน้ำหนักเสรี เช่น ดัมเบล บาร์เบล เพื่อเพิ่มความแข็งแรง มวลกล้ามเนื้อ ต่อมามีการพัฒนาเครื่องออกกำลังกาย ที่ใช้แรงต้านแบบเครื่องจักร (Resistance Machines) ซึ่งช่วยควบคุมท่าฝึกให้ถูกต้อง ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ และเหมาะกับผู้เริ่มต้น
เวทเทรนนิ่งสามารถแบ่งออก เป็นหลายประเภท ตามจุดประสงค์ และวิธีฝึก เพื่อให้เหมาะกับความต้องการ ของแต่ละคน ประเภทหลักๆ ได้แก่ Strength Training ที่เน้นสร้างความแข็งแรง และมวลกล้ามเนื้อ, Endurance Training ที่เน้นความทนทานของกล้ามเนื้อ ให้ทำงานได้นาน
Power Training ที่มุ่งเพิ่มความเร็วและแรงระเบิด, Hypertrophy Training เพื่อเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ ปรับสัดส่วนร่างกาย, Functional Training ที่เน้นการเคลื่อนไหว ใกล้เคียงกิจกรรมจริง เพื่อเพิ่มความสมดุล และความยืดหยุ่น
และ Bodyweight Training ที่ใช้แรงต้านจากน้ำหนักตัวเองเป็นหลัก เช่น วิดพื้นหรือแพลงก์ ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้ฝึก สามารถเลือกวิธี ที่เหมาะกับเป้าหมาย และระดับความแข็งแรง ของร่างกาย ได้อย่างยืดหยุ่น
ที่มา: ประเภทหลักของการฝึกน้ำหนัก (20 เมษายน 2022) [3]
สรุป เวทเทรนนิ่ง คืออะไร คือการออกกำลังกาย ด้วยแรงต้าน เพื่อสร้างความแข็งแรง เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และปรับสัดส่วนร่างกาย แต่ละประเภทเหมาะกับเป้าหมายต่างกัน
สำหรับผู้เริ่มต้น ควรฝึกเวทเทรนนิ่งประมาณ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาปรับตัว และฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ระหว่างวันฝึก ส่วนผู้ที่มีประสบการณ์แล้ว สามารถเพิ่มเป็น 4 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์ได้
หลังเวทเทรนนิ่ง ควรพักระหว่างชุด ประมาณ 30 – 90 วินาที ขึ้นอยู่กับความหนัก และประเภทของการฝึก สำหรับผู้เริ่มต้นสามารถพักใกล้ช่วงต่ำสุด ส่วนผู้ฝึกหนัก หรือเน้นความแข็งแรงสูง อาจพักใกล้ช่วงบน