
แคบวัว ทำยังไง กันนะ ไปดูที่มากันก่อนดีกว่า แคบวัวเป็นหนึ่งในของว่าง พื้นบ้านของภาคเหนือ ที่มาพร้อมรสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมเย้ายวน และเนื้อสัมผัสกรอบมัน เป็นอาหารที่สะท้อนวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวล้านนา ได้อย่างลึกซึ้ง
แคบวัว คือ ของกินเล่น หรืออาหารว่างพื้นบ้าน ของภาคเหนือในประเทศไทย ที่ทำจาก หนังวัว ผ่านกระบวนการทำให้แห้ง แล้วนำไปทอดจนกรอบ มีลักษณะคล้ายกับ แคบหมู แต่ใช้หนังวัวแทน แคบวัวมักพบใน ตลาดพื้นเมืองภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย
“แคบวัว” เป็นผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากหนังโค มีลักษณะ คล้ายกับแคบหมู ภาคเหนือนิยมเรียกว่า หนังปอง จัดเป็น ผลิตภัณฑ์กึ่งแห้ง จึงมีอายุเก็บรักษาได้นาน การบริโภคแคบวัว ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย อีกทั้งอาจเนื่องมาจาก ปัจจัยด้านกรรมวิธีการ ผลิตมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และใช้เวลานานกว่า การผลิตแคบหมู [1]
กลายเป็นของฝากยอดฮิต ที่ทั้งคนไทยและ นักท่องเที่ยวต่างชื่นชอบ หากอยากลองอะไร ที่แตกต่างจากแคบหมู และสัมผัสความเป็นล้านนาแท้ ๆ ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดเลย
แคบวัว เป็นอาหารพื้นบ้าน ที่มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมการกิน และการถนอมอาหาร ของชาวล้านนา ในภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ ที่มีการเลี้ยงวัวไว้ใช้งาน หรือเพื่อการบริโภค ภายในครัวเรือน
ในอดีต ชาวบ้านมักจะนิยมเลี้ยงวัว เพื่อใช้แรงงานในไร่นา และเมื่อต้องเชือดวัวเพื่อบริโภค หรือประกอบพิธีกรรมบางอย่าง เช่น งานบุญ งานศพ หรือประเพณีประจำปี พวกเขาจะนำทุกส่วนของวัว มาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด รวมถึง หนังวัว ที่มักจะถูกนำมาต้ม และทอดเป็นของกินเล่น ซึ่งต่อมากลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “แคบวัว”
แคบวัวเกิดจาก ภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการถนอมอาหาร โดยเฉพาะในยุคที่ยังไม่มีตู้เย็น ชาวบ้านจึงคิดวิธี ตากหนังวัวให้แห้ง เพื่อเก็บไว้ได้นาน แล้วนำไปทอดกินในเวลาที่ต้องการ ทำให้สามารถยืดอายุของวัตถุดิบได้ และยังเพิ่มความอร่อยกรุบกรอบ อีกด้วย
ต่างกันตรงวัตถุดิบ แคบหมูนั้น ตามชื่อเลยค่ะ คือทำมาจากหนังหมู แคบวัวทำมาจากหนังวัว ส่วนหนังปองนั้น ชาวแม่ฮ่องสอนบอกว่า ทำมาจากหนังวัว และหนังควายปนกัน นอกจากวัตถุดิบที่ แตกต่างกันแล้ว รูปลักษณ์ของแคบหมู จะแตกต่างกับแคบวัว และแคบควายโดยสิ้นเชิง
แคบหมูนั้นจะเรียวเล็ก สีเข้ม มักมีส่วนของเนื้อติดมาเล็กน้อย แต่แคบวัวและแคบควาย สองแคบนี้แทบแยกกันไม่ออกเพราะชิ้นใหญ่ เหยียดตรง และสีสันจะออกเหลืองนวล ๆ ด้วยกันทั้งคู่ กลิ่นของแคบหมู แคบวัว และแคบควายนั้น ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน เพราะก่อนจะทอดนั้น ก็ต้องมีการล้างทำความสะอาด
ดับคาวด้วยเกลือ ผึ่งแดดเพื่อสะเด็ดน้ำ และส่วนใหญ่จะทอดรวมกับ ใบเตยเพื่อดับกลิ่นเหม็นหืนของหนัง กลิ่นของแคบทั้งสามจึงแทบแยกไม่ออก แต่โดยรวมแล้วหากดมดี ๆ หนังปองจะกลิ่นแรง กว่าแคบหมูเล็กน้อย
ที่มา: แคบหมู แคบวัว หนังปอง ได้ลองแล้วจะติดใจ [2]
แคบวัวถือเป็นอาหารทานเล่นก็ได้ สามารถกินคู่กับอาหารเหนือได้อีกหลายเมนู เช่น ข้าวซอยไก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ลาบหมูคั่ว อ่องปูนา หากเมนูเหล่านี้ได้กินคู่กัน ก็จะทำให้อร่อยยิ่งขึ้นไปอีก เป็นที่นิยมจนหลายๆร้านต้องมีแคบวัวให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นของทานเล่น ระหว่างรออาหาร หรือกินคู่กับเมนูอื่นๆ
สามารถทำเมนูอื่นๆ ไปพร้อมกันได้ สามารถไปดูวิธีการทำได้ที่ ข้าวซอยไก่สูตรอาหารเหนือ
ประโยชน์ของการกินแคบวัว
1. ให้พลังงานสูง
หนังวัวทอดกรอบ ทำให้ไขมันและโปรตีนสูง เหมาะกับคนที่ ต้องการพลังงานเร่งด่วน
2. เป็นแหล่งโปรตีน
หนังวัวมีโปรตีน ที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
3. กินเป็นของว่างหรือของแกล้ม
ช่วยเพิ่มความอร่อย ในการกินอาหารเหนือ เช่น น้ำพริกหนุ่ม แกงฮังเล หรือเมี่ยง
โทษของการกินแคบวัว
1. ไขมันและคอเลสเตอรอลสูง
เนื่องจากเป็นของทอด หนังวัวมีไขมันสูง อาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่ม เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
2. โซเดียมสูง
บางร้านนิยมใส่เกลือ หรือเครื่องปรุงรสเค็ม อาจเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง หากกินบ่อยๆ
คุณค่าทางโภชนาการของแคบวัว (ต่อ 100 กรัม โดยประมาณ)
• พลังงาน: ประมาณ 450-500 กิโลแคลอรี
• โปรตีน: 30-35 กรัม
• ไขมัน: 40-50 กรัม
• ไขมันอิ่มตัวค่อนข้างสูง
• โซเดียม: 500-800 มิลลิกรัม (ขึ้นอยู่กับการปรุงรส)
ข้อควรระวัง ในการกินแคบวัว
1. ไขมันและคอเลสเตอรอลสูง
แคบวัวเป็นของทอด ที่มีไขมันอิ่มตัวมาก กินบ่อยหรือในปริมาณมาก เสี่ยงต่อโรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือด
2. โซเดียมสูง
การปรุงรสด้วยเกลือ หรือเครื่องปรุงรสจัด อาจทำให้ร่างกายได้รับโซเดียม เกินค่าที่ควรในแต่ละวัน เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง
3.ย่อยยาก
หนังวัวมีคอลลาเจนสูง อาจทำให้ย่อยยาก ในบางคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร
วิธีการทำนั้น แทบไม่ต่างจากแคบอื่นๆเลย แต่หนังวัวที่จะนำมาทำควรล้างให้สะอาด และดับกลิ่นคาวตอนต้มให้เรียบร้อย ตากให้แห้ง จึงนำมาทอดในน้ำมัน ทอดให้กรอบ แค่นี้เราก็จะได้แคบวัวแล้ว เราไปดูวิธีการทำอย่างละเอียดกันเลยดีกว่า
วัตถุดิบ:
ขั้นตอนการทำ:
1. ทำความสะอาดหนังวัว
ล้างหนังวัวให้สะอาด ขูดขนหรือเศษสิ่งสกปรกออก ให้หมด ถ้ามีกลิ่นแรงสามารถแช่น้ำ ผสมเกลือหรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อย แล้วล้างออกอีกครั้ง
2. ต้มหนังวัวต้มน้ำให้เดือด
ใส่หนังวัวลงไปต้ม ประมาณ 1–2 ชั่วโมง จนหนังนุ่มและไขมันเริ่มละลาย
ใส่เกลือลงไป เล็กน้อยเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติ พักไว้ให้เย็น
3. หั่นเป็นชิ้น
เมื่อหนังวัวเย็นแล้ว ให้นำมาหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอดีคำ หรือจะหั่นยาว ๆ ตามชอบ
4. ตากแดด
วางหนังวัวที่หั่นแล้วลงบนตะแกรงหรือตาข่าย
นำไปตากแดดจัด ๆ ประมาณ 1–2 วัน หรือจนแห้งดี (ควรกลับด้านเป็นระยะ และหมั่นระวังแมลง)
5. ทอดให้กรอบ
ตั้งน้ำมันให้ร้อนจัด แล้วหรี่ไฟลงเล็กน้อย
ใส่หนังวัวที่ตากแห้ง แล้วลงไปทอดจนพองกรอบ (ประมาณ 2–5 นาที ขึ้นอยู่กับความหนา)
ตักขึ้นพัก ให้สะเด็ดน้ำมัน
แคปวัวบังชัย ขนาด 55 กรัม ราคา 55 บาท
แคปวัว-แคปเนื้อ บังชัยฮาลาล วัวแท้ อร่อยกว่า ไขมันน้อยกว่าแคปหมู แคปวัวบังชัย วัวแท้100% หอมกว่า อร่อยกว่า!! ทอดสดใหม่ทุกวัน รับประกันความอร่อย ปรุง-ทอด อย่างพิถีพิถัน
ด้วยสูตรเฉพาะกว่า20ปี ให้ความกรอบ~ หอมกลมกล่อม~ อร่อยเด็ดเน้นๆ [3]
การทำนั้นเริ่มจาก เตรียมวัตถุดิบ:หนังวัว เกลือ น้ำสะอาด น้ำมันสำหรับทอด จากนั้น ล้างหนังวัว ให้สะอาด ขูดขนออกให้หมด ต้มหนังวัว ในน้ำเดือดใส่เกลือ จนนุ่มหั่นเป็นชิ้น พอดีคำตากแดด ให้แห้ง 1–2 วัน ทอดในน้ำมันร้อน จนฟูกรอบ พักสะเด็ดน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ
กินคู่กับ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอยไก่ น้ำพริกหนุ่ม หรือน้ำพริกต่างๆได้เลย แคบวัวสามารถทานเล่นก็ได้ หรือกินคู่กับอื่นๆได้อีกเพียบ ไม่เพียงแต่ อาหารภาคเหนือ ยังกินกับส้มตำ หมูน้ำตก ของทาง ภาคอีสานก็ยังได้
การทำให้ฟูนั้น ก่อนอื่นต้องตากให้แห้งสนิท ตั้งไฟให้ร้อน ทอดในน้ำมันที่ร้อนจนฟู แล้วค่อยๆลดไฟลง นำขึเนมาพักสักครู่ แล้วนำไปทอดอีกครั้ง จะทำให้ฟูและกรอบอร่อย