สู้บน แนวคิด คราฟมากา (Krav Maga) วิชาทหารแห่ง IDF

แนวคิด คราฟมากา

สู้บน แนวคิด คราฟมากา (Krav Maga) วิชาฝึกทหาร แห่งกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) โดยผสมทักษะจาก ไอคิโด, มวย, ยูโด, คาราเต้ ซึ่งหลายกลุ่มถกเถียงกันว่า แท้จริงแล้ว คราฟมากาใช่ศิลปะต่อสู้จริงหรือไม่? และเราจะพาไปหาคำตอบ พร้อมกัน

  • แนวคิดคราฟมากา
  • เทคนิคคราฟมากา
  • คราฟมากาเป็นศิลปะต่อสู้ใช่หรือไม่?

คำว่าคราฟมากา หมายถึงอะไร

คำว่าคราฟมากา หมายถึง การต่อสู้แบบสัมผัส (קְרַב מַגָּע) ในภาษาฮีบรู ซึ่งพัฒนาขึ้น ในยุคการต่อต้านชาวยิว โดย Imi Lichtenfeld ชาวเมืองบราติสลาวา ด้วยการนำแนวคิด ศิลปะต่อสู้อื่นๆ มาดัดแปลงเป็น แนวคิด คราฟมากา แล้วนำไปใช้ในชีวิตได้จริง

คราฟมากาสู้บนหลักการแบบไหน

  • ความสามารถในการรับรู้-เข้าใจ
  • การเฝ้าระวัง หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ให้ได้มากที่สุด
  • ใช้วาทศิลป์ เพื่อลดระดับความรุนแรง
  • ตอบสนองตามสัญชาตญาณ แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด
  • หยุดการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของคู่ต่อสู้
  • ป้องกันตัว และโจมตีไปพร้อมๆ กัน
  • การควบคุมทางกายภาพ ทำให้เกินขีดจำกัด ที่ร่างกายรับไหว
  • โจมตีเชิงป้องกัน โดยรู้ว่าคู่ต่อสู้มีเจตนาแบบไหน
  • โต้กลับทันที, โจมตีจุดอ่อน, ใช้ทรัพยากรรอบตัว

ที่มา: Concepts [1]

แนวคิดคราฟมากา เกิดขึ้นมาเมื่อไหร่

แนวคิด คราฟมากา

แนวคิดคราฟมากา เริ่มอย่างเป็นทางการในปี 1948 หลังจากอิสราเอลก่อตั้งขึ้น โดยมีบุคคลสำคัญอย่าง Imi Lichtenfeld ชาวยิวจากเชโกสโลวาเกีย ผู้ลี้ภัยไปยังยุโรป แล้วเข้าร่วมกลุ่มกึ่งทหาร จากนั้นเขาขึ้นเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้กับกองทัพอิสราเอล

เขาอยู่ในกองทัพเป็นเวลากว่า 20 ปี ก่อนที่ในปี 1965 จะเพิ่มเทคนิคยูโดเข้าไป กระทั่งลูกศิษย์คนหนึ่ง ได้ไปเรียนไอคิโดที่ฝรั่งเศส แล้วนำมาผสมผสานเข้ากับคราฟมากา จนถึงปี 1974 อิมเร ลิชเทนเฟลด์ เกษียณอายุ

แต่ผู้ที่นำคราฟมากา เข้าสู่กองทัพจริงๆ คือ Eli Avikzar เขาเข้าร่วมเมื่อปี 1976 โดยมีฐานะเป็นหัวหน้าฝึกคราฟมากา นับรวมแล้ว Eli ฝึกทหารไปกว่า 92,000 นาย จากนั้นเมื่อปี 1978 สมาคมคราฟมากา ได้ก่อตั้งขึ้น

ที่มา: History [2]

คนทั่วไป สามารถฝึกคราฟมากาได้ไหม

คนทั่วไปสามารถฝึกคราฟมากาได้ ตามหลักสูตรของอิมเร โดยมีระบบให้คะแนน แบ่งระดับด้วยสายคาด อ้างอิงตามระบบของยูโด 1-9 ขั้น ก่อนที่ปลายทศวรรษ 1980 อีกระบบจะคิดค้นโดย Eyal Yanilov แบ่งเป็น 3 เกรด ได้แก่ ผู้ฝึก, บัณฑิต และผู้เชี่ยวชาญ

โดยแต่ละเกรด แยกย่อยเป็น 5 ระดับ แทนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ เช่น P1-P5, G1-G5 และยังมีจำนวนแถบ บอกตำแหน่งอีกด้วย ซึ่งแต่ละแถบหมายถึงอะไร มีการฝึกเทคนิคไหนบ้าง สามารถอ่านต่อได้ที่ The First Three Krav Maga Belts by Colour

เทคนิคคราฟมากา ต้องฝึกอะไรบ้าง

เทคนิคคราฟมากา วัตถุประสงค์หลัก คือทำให้คู่ต่อสู้ ไร้ความสามารถ ยกตัวอย่าง เทคนิคพื้นฐาน และเทคนิคแอดวานซ์ เช่น

พื้นฐาน

  • ท่ายืนกลาง : ยืนให้ขา 2 ข้าง ขนานไปกับช่วงไหล่ แขนแนบลำตัว
  • ท่าการ์ด : ยกมือขึ้นบริเวณคาง ข้อศอกอยู่ใกล้ซี่โครง หันฝ่ามือออก
  • หมัด : กำหมัดให้นิ้วหัวแม่มือ วางอยู่เหนือข้อต่อนิ้ว

สำหรับผู้ฝึก

  • เตะขาหนีบ : เป็นการสู้ระยะใกล้ ใช้ขาหลังเตะไปที่หน้าแข็งหรือขา ทำให้อีกฝ่ายหยุดนิ่งชั่วคราว
  • ฝ่ามือฟาด : แบมือออก เพื่อเตรียมพร้อมโจมตี โดยใช้ส่วนกล้ามเนื้อของข้อมือ
  • ป้องกัน Bearhug : หากอีกฝ่ายเข้ามาจับตัว จากด้านหลัง ให้ย่อตัว กางขาออก แล้วเคลื่อนตัวไปด้านข้าง เพื่อโจมตีด้วยฝ่ามือ ก่อนที่จะแทงศอกไปที่หน้าท้อง

แอดวานซ์

  • ป้องกันตัวด้วยมีด : โดยการทำให้ ทิศทางการโจมตีเปลี่ยนไป ด้วยการต่อยหรือเตะ ซึ่งจะทำให้อีกฝ่าย เคลื่อนไหวช้าลง จากนั้นคว้าข้อมือ หรือมีดอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าอีกฝ่ายทำมีดหล่น ควรเตะมีดออกไปให้ไกลที่สุด
  • การแทงตา : หรือจิ้มตา ทำให้บดบังวิสัยทัศน์ การมองเห็น โดยให้กางนิ้วออก เหยียดตรง จากนั้นมุ่งเป้าไปที่ดวงตา ซึ่งเป็นเทคนิคที่อันตราย และร้ายแรงมากๆ

ที่มา: Krav-Maga Techniques [3]

หาความจริง คราฟมากาเป็นศิลปะต่อสู้ใช่หรือไม่

แนวคิด คราฟมากา

บางแหล่งข้อมูล เชื่อมั่นว่า คราฟมากาเป็นศิลปะการต่อสู้ และป้องกันตัว แต่บางข้อมูลโต้แย้งว่าไม่ใช่ เพราะมันเป็นเพียง ระบบป้องกันตัวเพื่อเอาชีวิตรอด โดยมีรายละเอียด การเปรียบเทียบ ดังนี้

  • คราฟมากาเป็นระบบป้องกันตัว ที่นำไปใช้ได้จริง โดยมัดรวมเทคนิค จากศิลปะอื่น ในขณะที่ศิลปะการต่อสู้ เป็นระบบเชื่องโยง กับการเคลื่อนไหวร่างกาย มีการแข่งขัน
  • เทคนิคคราฟมากา ออกแบบเพื่อใช้ตอบโต้ ทำให้การต่อสู้จบลงเร็วที่สุด ไม่สนความรุนแรง ไม่ได้มีไว้ทำคะแนน หรือสอนด้านวินัย และการให้เกียรติ
  • ศิลปะการต่อสู้ทั่วไป มีรูปแบบการฝึกที่กำหนดไว้ เช่น คาตะ, กังฟู แต่คราฟมากาไม่มี เน้นฝึกให้คล่องตัว และหาจุดเด่นของแต่ละคน

สรุปแล้ว แนวคิด คราฟมากา เป็นศิลปะต่อสู้ไหม?

สรุปแล้ว แนวคิดคราฟมากา หากย้อนไปในยุคแรก ที่ถูกฝึกให้กับทหาร ผู้เขียนมีความเห็นว่า ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ แต่ใช้เพื่อเอาตัวรอด แต่ในปัจจุบัน หลังจากมีหลักสูตรของพลเรือน มีกฎ การควบคุม และจัดอันดับ จึงใกล้เคียงกับคำนิยาม ของศิลปะการต่อสู้

ฝึกคราฟมากาได้อะไร มีการต่อสู้ไหนเอาชนะได้บ้าง

ฝึกคราฟมากามีประสิทธิภาพสูง ใช้ได้ในสถานการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็น ถูกชิงทรัพย์, ทะเลาะวิวาท ใช้เทคนิคนี้เพื่อป้องกันตัว และสร้างความเสียหายให้กับอีกฝ่าย เพราะกฎข้อเดียว คือ ต้องเอาตัวรอด ปัจจุบันฝึกได้ทั้งชายและหญิง

แต่หากเป็นการต่อสู้ไร้อาวุธ หวิงชุน (Wing Chun) ระบบป้องกันตัวของชาวจีนตอนใต้ เป็นการต่อสู้ที่ได้เปรียบกว่า เพราะโดดเด่นเรื่องการสู้ประชิดตัว หมัดรัว และการโจมตีตรงจุดสำคัญ

คราฟมากาต่างจากคาราเต้หรือเปล่า

คราฟมากาต่างจากคาราเต้เป็นส่วนใหญ่ เพราะคาราเต้มีหลักการ ฝึกแบบองค์รวม มีกฎการแข่งขัน ระบบคะแนน เครื่องแต่งกาย ฝึกได้ตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป เด่นด้านทักษะการเตะสูง ฝึกแล้วทำให้มีสมาธิ สร้างความมั่นใจ และนับถือในตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมีบางส่วนที่เหมือนกัน เช่น มีรากฐานมาจากตะวันออก, รูปแบบป้องกันตัว, ฝึกให้รู้ทันสถานการณ์, ใช้องค์ประกอบของสมรรถภาพทางกาย เป็นต้น

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง