แอโรบิค ดีไหม เต้นแล้วดีต่อสุขภาพอย่างไร?

แอโรบิค ดีไหม

แอโรบิค ดีไหม แล้วทำไมหลายคน ถึงเลือกแอโรบิค เป็นวิธีเบิร์นแคลอรี่แ ละเพิ่มความทนทานให้หัวใจ แอโรบิคมีความเป็นมาอะไรบ้าง ที่น่าสนใจ 

  • ออกกำลังกาย แอโรบิคคืออะไร?
  • ลักษณะการฝึกแอโรบิค เป็นแบบไหน?
  • ฝึกแอโรบิคอย่างไร ให้ได้ผลมากที่สุด?

ออกกำลังกาย แอโรบิคคืออะไร

แอโรบิคคือรูปแบบการออกกำลังกาย ที่เน้นการเคลื่อนไหว ร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสามารถของหัวใจ ปอด และระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นท่า ที่ผสมผสานการเต้น การกระโดด หรือการเดิน-วิ่ง ในจังหวะที่สม่ำเสมอ (5 มกราคม 2025) [1]

ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานและไขมันได้มากขึ้น นอกจากนี้ แอโรบิคยังช่วยปรับสมดุลร่างกาย เสริมสร้างความยืดหยุ่น ส่งผลให้ร่างกาย รู้สึกกระฉับกระเฉง และสดชื่นมากขึ้นด้วย

แอโรบิคเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?

แอโรบิคเกิดขึ้นในช่วง ปลายทศวรรษ 1960 โดยผู้บุกเบิกคือ เคนเน็ธ โคปแลนด์ (Kenneth H. Cooper) แพทย์ชาวอเมริกัน ซึ่งในปี 1968 เขาได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ “Aerobics” ที่แนะนำการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจ และปอดด้วย (2021) [2]

การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง หนังสือเล่มนี้ กลายเป็นแรงบันดาลใจ ให้คนทั่วโลกหันมาออกกำลังกายแบบแอโรบิค และทำให้เกิดคลาสเต้นแอโรบิค ในฟิตเนสขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงต้นปี 1970

ในเวลาต่อมา ถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมยอดฮิต

หลังจากที่แอโรบิค เริ่มเป็นที่รู้จัก จากหนังสือของเคนเน็ธ โคปแลนด์ มันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นกิจกรรมยอดฮิต ในช่วงปี 1970–1980 โดยมีการจัด คลาสแอโรบิคในฟิตเนส – โรงยิมอย่างแพร่หลาย 

และเริ่มมีการนำเพลงจังหวะ สนุกสนานเข้ามาผสมกับการออกกำลังกาย ทำให้คนทุกเพศทุกวัย สนใจเข้าร่วม แอโรบิคจึงไม่ได้เป็นแค่การออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นกิจกรรมสังคม และแฟชั่นการออกกำลังกาย ในยุคนั้นด้วย

ลักษณะการฝึกแอโรบิค เป็นแบบไหน

แอโรบิค ดีไหม

ลักษณะการฝึกแอโรบิคเน้น การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและปอด รวมถึงการเผาผลาญพลังงานและไขมัน โดยทั่วไปมีลักษณะดังนี้

  • จังหวะต่อเนื่อง – ใช้การเดิน วิ่ง กระโดด เต้น หรือก้าวเท้าเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เพื่อรักษาอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในช่วงแอโรบิค (ประมาณ 60–80% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด)
  • ความเข้มข้นปานกลางถึงสูง – การออกกำลังกายต้องเหนื่อยเล็กน้อยถึงมาก แต่ยังสามารถพูดประโยคสั้น ๆ ได้
  • การผสมท่าเคลื่อนไหว – มักรวมท่าแขน ขา ลำตัว และสะโพกเข้าด้วยกัน ทำให้ร่างกายทำงานครบทุกส่วน
  • ระยะเวลาและความถี่ – ปกติฝึก 20–60 นาทีต่อครั้ง และ 3–5 ครั้งต่อสัปดาห์
  • ใช้เพลงช่วยจังหวะ – เพลงเร็วหรือสนุกสนานช่วยสร้างแรงจูงใจและทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่น

แอโรบิคช่วยลดน้ำหนัก ได้จริงหรือไม่ ?

แอโรบิคช่วยลดน้ำหนักได้จริง เพราะเป็นการออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ (Cardio) ที่ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงาน และไขมันได้มากขึ้น เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการควบคุมอาหาร ร่างกายจะเริ่มใช้พลังงาน สะสมเป็นไขมัน ทำให้น้ำหนักลดลง 

นอกจากนี้ การฝึกแอโรบิคยังช่วย เพิ่มความทนทานของหัวใจและปอด ทำให้ระบบเผาผลาญ ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้น ถ้าฝึกอย่างสม่ำเสมอ 3 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 – 60 นาที และควบคุมอาหารร่วมด้วย เพราะแค่การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอในการลดน้ำหนัก (2024) [3]

ฝึกแอโรบิคอย่างไร ให้ได้ผลมากที่สุด ?

  • ปรับความเข้มข้นให้เหมาะสม – ใช้ระดับที่เหนื่อยปานกลางถึงมาก (สามารถพูดประโยคสั้น ๆ ได้) เพื่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในช่วงแอโรบิค
  • ผสมผสานท่าเคลื่อนไหว – รวมท่าแขน ขา ลำตัว และสะโพกเข้าด้วยกัน เพื่อให้ร่างกายทำงานครบทุกส่วน และเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น
  • ใช้เพลงช่วยจังหวะ – เพลงเร็วสนุกสนานช่วยกระตุ้นให้เคลื่อนไหวต่อเนื่อง และไม่เหนื่อยง่าย เช่นเดียวกับ เต้นลีลาศ ช่วยอะไร

บทสรุป แอโรบิค ดีไหม

สรุป แอโรบิค ดีไหม ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและปอด เผาผลาญพลังงาน ลดน้ำหนักได้ และยังช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉง แข็งแรงครบทุกส่วน 

แอโรบิคเผาผลาญแคลอรีเยอะไหม ?

ถือว่าเผาผลาญแคลอรี ได้ค่อนข้างมาก เมื่อเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ประมาณ 30–60 นาที ร่างกายสามารถใช้พลังงานได้ราว 200–500 แคลอรี ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก และท่าที่จริงจัง

แอโรบิคต้องใช้อุปกรณ์อะไรไหม ?

แอโรบิคส่วนใหญ่ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ เพราะเน้นการเคลื่อนไหว ร่างกายตามจังหวะเพลง เช่น การก้าว เต้น หรือกระโดด

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง