แอโรบิค ดีไหม เต้นแล้วดีต่อสุขภาพอย่างไร?

แอโรบิค ดีไหม

แอโรบิค ดีไหม แล้วทำไมหลายคน ถึงเลือกแอโรบิค เป็นวิธีเบิร์นแคลอรี่แ ละเพิ่มความทนทานให้หัวใจ แอโรบิคมีความเป็นมาอะไรบ้าง ที่น่าสนใจ 

  • ออกกำลังกาย แอโรบิคคืออะไร?
  • ลักษณะการฝึกแอโรบิค แบบไหนที่ต้องรู้?
  • การฝึกแอโรบิคให้ได้ผลมากที่สุด ต้องทำอย่างไรบ้าง?

ออกกำลังกาย แอโรบิคคืออะไร

แอโรบิคคือรูปแบบการออกกำลังกาย ที่เน้นการเคลื่อนไหว ร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสามารถของหัวใจ ปอด และระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นท่า ที่ผสมผสานการเต้น การกระโดด หรือการเดิน-วิ่ง ในจังหวะที่สม่ำเสมอ (5 มกราคม 2025) [1]

ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานและไขมันได้มากขึ้น นอกจากนี้ แอโรบิคยังช่วยปรับสมดุลร่างกาย เสริมสร้างความยืดหยุ่น ส่งผลให้ร่างกาย รู้สึกกระฉับกระเฉง และสดชื่นมากขึ้นด้วย

แอโรบิคเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?

แนวคิดของคูเปอร์ในหนังสือ “Aerobics” ไม่ได้หยุดอยู่แค่การแนะนำ ท่าออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังอธิบายถึงหลักการออกกำลัง ที่ช่วยให้ร่างกายใช้ ออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลดีต่อระบบหัวใจ หลอดเลือด และการไหลเวียนโลหิต หนังสือเล่มนี้จึงถูกใช้เป็นคู่มือ ทั้งในวงการแพทย์ ทหาร และประชาชนทั่วไป (7 ตุลาคม 2025) [2]

ต่อมาเมื่อแนวคิดแพร่หลาย เข้าสู่แวดวงฟิตเนส ผู้ฝึกสอนเริ่มพัฒนา ท่าเต้นประกอบจังหวะเพลง เพื่อให้การออกกำลังกายสนุกและทำตามได้ง่าย เกิดเป็น “แอโรบิกแดนซ์” ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ในช่วงทศวรรษ 1980 กระแสแอโรบิคยิ่งบูมขึ้น จากการผลิตวีดีโอออกกำลังกาย 

เช่น ของเจน ฟอนดา (Jane Fonda) ที่ทำให้ผู้คน สามารถออกกำลังจากที่บ้านได้ นอกจากนี้ ยังมีการปรับรูปแบบ ให้เหมาะกับกลุ่มต่างๆ เช่น แอโรบิคแบบโลว์อิมแพกต์ (Low Impact) สำหรับผู้สูงอายุ และแบบไฮอิมแพกต์ (High Impact) สำหรับคนที่ต้องการเผาผลาญพลังงานสูง

 

ในเวลาต่อมา ถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมยอดฮิต

นอกจากความนิยม ในฟิตเนสแล้ว กระแสแอโรบิคยังลามไปสู่ เวทีแข่งขัน การแสดง และคลาสในชุมชน หลายประเทศเริ่มมีการอบรมครูสอนแอโรบิคอย่างจริงจัง มีการคิดท่าทางหลากหลาย ให้เหมาะกับระดับความฟิต ของแต่ละคน ทั้งแบบเต้นบนพื้น แบบใช้ขั้นบันได (Step Aerobics) และแบบผสมผสานกับโยคะ หรือดัมบ์เบล

ในยุโรปและเอเชีย แอโรบิคถูกนำไปปรับใช้ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และชมรมสุขภาพ ของหน่วยงานต่างๆ เพื่อสร้างเสริมสมรรถภาพร่างกาย ให้กับคนหมู่มาก ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมแฟชั่นออกกำลังกาย ก็เติบโตตามไปด้วย เสื้อผ้าแนวลีออตตาร์ด กางเกงรัดรูป ถุงเท้ายาว และผ้าคาดผมกลายเป็นภาพจำ ของยุคแอโรบิคเฟื่องฟู

ต่อมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980 จนถึง 1990 มีการพัฒนาคลาสให้เฉพาะทางมากขึ้น เช่น Cardio Dance, Jazzercise, Latin Aerobics หรือ Low-Impact Aerobics เพื่อตอบโจทย์คนวัยทำงาน วัยรุ่น และผู้สูงอายุ ทำให้แอโรบิคยังคงอยู่ในกระแสต่อเนื่อง ไม่ได้หายไปเหมือนบางเทรนด์สุขภาพ

ลักษณะการฝึกแอโรบิค เป็นแบบไหน

แอโรบิค ดีไหม

ลักษณะการฝึกแอโรบิคเน้น การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและปอด รวมถึงการเผาผลาญพลังงานและไขมัน โดยทั่วไปมีลักษณะดังนี้

  • จังหวะต่อเนื่อง : ใช้การเดิน วิ่ง กระโดด เต้น หรือก้าวเท้า เป็นจังหวะสม่ำเสมอ เพื่อรักษาอัตรา การเต้นของหัวใจ ให้อยู่ในช่วงแอโรบิค (ประมาณ 60 – 80% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด)
  • ความเข้มข้นปานกลางถึงสูง : การออกกำลังกาย ต้องเหนื่อยเล็กน้อยถึงมาก แต่ยังสามารถพูดประโยคสั้นๆ ได้
  • การผสมท่าเคลื่อนไหว : มักรวมท่าแขน ขา ลำตัว และสะโพกเข้าด้วยกัน ทำให้ร่างกายทำงานครบทุกส่วน
  • ระยะเวลาและความถี่ : ปกติฝึก 20 – 60 นาทีต่อครั้ง และ 3 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์
  • ใช้เพลงช่วยจังหวะ : เพลงเร็วหรือสนุกสนานช่วยสร้างแรงจูงใจ และทำให้การเคลื่อนไหว เป็นไปอย่างราบรื่น

แอโรบิคช่วยลดน้ำหนัก ได้จริงหรือไม่ ?

แอโรบิคช่วยลดน้ำหนักได้จริง เพราะเป็นการออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ (Cardio) ที่ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงาน และไขมันได้มากขึ้น เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการควบคุมอาหาร ร่างกายจะเริ่มใช้พลังงาน สะสมเป็นไขมัน ทำให้น้ำหนักลดลง 

นอกจากนี้ การฝึกแอโรบิคยังช่วย เพิ่มความทนทานของหัวใจและปอด ทำให้ระบบเผาผลาญ ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้น ถ้าฝึกอย่างสม่ำเสมอ 3 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 – 60 นาที และควบคุมอาหารร่วมด้วย เพราะแค่การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอในการลดน้ำหนัก (8 พฤษภาคม 2024) [3]

ฝึกแอโรบิคอย่างไร ให้ได้ผลมากที่สุด ?

  • ปรับความเข้มข้นให้เหมาะสม – ใช้ระดับที่เหนื่อยปานกลางถึงมาก (สามารถพูดประโยคสั้น ๆ ได้) เพื่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในช่วงแอโรบิค
  • ผสมผสานท่าเคลื่อนไหว – รวมท่าแขน ขา ลำตัว และสะโพกเข้าด้วยกัน เพื่อให้ร่างกายทำงานครบทุกส่วน และเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น
  • ใช้เพลงช่วยจังหวะ – เพลงเร็วสนุกสนานช่วยกระตุ้นให้เคลื่อนไหวต่อเนื่อง และไม่เหนื่อยง่าย เช่นเดียวกับ เต้นลีลาศ ช่วยอะไร

บทสรุป แอโรบิค ดีไหม

สรุป แอโรบิค ดีไหม ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและปอด เผาผลาญพลังงาน ลดน้ำหนักได้ และยังช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉง แข็งแรงครบทุกส่วน 

แอโรบิคเผาผลาญแคลอรีเยอะไหม ?

ถือว่าเผาผลาญแคลอรี ได้ค่อนข้างมาก เมื่อเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ประมาณ 30–60 นาที ร่างกายสามารถใช้พลังงานได้ราว 200–500 แคลอรี ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก และท่าที่จริงจัง

แอโรบิคต้องใช้อุปกรณ์อะไรไหม ?

แอโรบิคส่วนใหญ่ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ เพราะเน้นการเคลื่อนไหว ร่างกายตามจังหวะเพลง เช่น การก้าว เต้น หรือกระโดด

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง