
ไทเก๊ก มีกี่ท่า แต่เคยสงสัยไหมว่า ไทเก๊กมีจุดเริ่มต้นจากที่ใด และเหตุใดจึงกลายมาเป็นการออกกำลังกาย ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก อีกทั้งยังมีท่าฝึกมากมาย หลายร้อยท่า แล้วแท้จริงแล้ว ไทเก๊กมีกี่ท่าหลัก ที่ใช้ฝึกในแต่ละสายกันแน่?
ไทเก๊ก (Tai Chi หรือ Taijiquan) เป็นศิลปะการเคลื่อนไหว ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน ผสมผสานระหว่างการต่อสู้ ปรัชญาเต๋า และการฝึกสมาธิ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน อย่างกลมกลืน ลักษณะเด่นของไทเก๊กคือ การเคลื่อนไหวช้า นุ่มนวล และต่อเนื่อง ทุกท่วงท่า เปรียบเสมือนการไหลของสายน้ำ ที่ไม่มีจุดเริ่มต้น หรือสิ้นสุด
ทุกการเคลื่อนไหว จะเชื่อมโยงกับลมหายใจ ทำให้ผู้ฝึก ได้ฝึกทั้งร่างกาย และจิตใจไปพร้อมกัน รากฐานของไทเก๊ก อยู่บนแนวคิด หยิน–หยาง ซึ่งหมายถึงพลังสองด้าน ที่ตรงข้ามกัน แต่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เช่น ความอ่อนโยนกับความแข็งแรง ความสงบกับความเคลื่อนไหว (4 ตุลาคม 2025) [1]
การฝึกไทเก๊ก จึงมุ่งเน้น การสร้างสมดุล ภายในร่างกายและจิตใจ ให้พลังชีวิตหรือ “ชี่ (氣)” ไหลเวียนได้อย่างอิสระ ซึ่งอาจจะคล้ายคลึงกับ ประวัติ ชี่กง
ไทเก๊กมีจุดเริ่มต้น ที่สามารถสืบย้อนไปได้ ถึงช่วงปลายราชวงศ์หมิง และต้นราชวงศ์ชิงของจีน ราวคริสต์ศตวรรษที่ 17 (ประมาณปี ค.ศ. 1600–1680) ซึ่งเป็นช่วงเวลา ที่เริ่มมีบันทึกชัดเจนทางประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับเฉินหวังถิง ชาวหมู่บ้านเฉินเจียโก่ว มณฑลเหอหนาน
เป็นอดีตแม่ทัพในปลายสมัยราชวงศ์หมิง และหลังจากเกษียณจากราชการ ได้หันมาพัฒนาศิลปะการต่อสู้ ที่ผสมผสานหลักการ ของการหายใจแบบชี่กง ปรัชญาหยิน–หยาง และการแพทย์แผนจีน จนกลายเป็นรูปแบบของไทเก๊ก ที่รู้จักในปัจจุบัน
แต่ก็มีหลักฐานทางเอกสาร ที่ระบุว่า เฉินหวังถิงได้สร้าง ชุดท่าฝึก 5–7 ชุด ซึ่งรวมถึงแบบฝึก “ไทเก๊กฉวน” ประมาณปี ค.ศ. 1644–1662 ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อ ระหว่างราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง การกำเนิดในยุคนี้ถือ เป็นจุดเริ่มต้นของ “ไทเก๊กสายเฉิน”
ต่อมาเมื่อศิลปะไทเก๊ก แพร่หลายมากขึ้น หลังยุคของเฉินหวังถิง (Chen Wangting) ในช่วงศตวรรษที่ 17 ไทเก๊กก็เริ่มถูกถ่ายทอด สู่ลูกศิษย์ และตระกูลต่างๆ ทั่วประเทศจีน จนเกิดการพัฒนา และปรับปรุงท่าทาง ให้เหมาะกับแนวทาง
การฝึกของแต่ละสำนัก ส่งผลให้ไทเก๊ก แตกแขนงออกเป็นหลายสาย (หลายตระกูล) ซึ่งแต่ละสาย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่ยังคงรักษาหลัก “หยิน–หยาง” และ “การใช้พลังภายใน” ไว้อย่างครบถ้วน (21 พฤศจิกายน 2023) [2]
เมื่อเวลาผ่านไป ไทเก๊กได้พัฒนา และแตกแขนงออก เป็นหลายรูปแบบ ตามแนวทางของอาจารย์ และตระกูลต่างๆ แต่ละสาย มีลักษณะเฉพาะตัว
ท่ายอดนิยมในการฝึกไทเก๊ก มักเป็นท่าที่ผสมผสาน ความสง่างาม ความสมดุล และการควบคุมพลังภายใน อย่างละเอียดอ่อน เช่น ท่าเริ่มต้น ที่ใช้เพื่อเข้าสู่สมาธิ และจังหวะการหายใจ อย่างสม่ำเสมอ ต่อด้วย ท่าจับหางนกกระเรียน ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าหลัก ที่ใช้ในการฝึกฝนการรับ และส่งพลัง “ชี่” ผ่านการเคลื่อนไหว ที่อ่อนโยนแต่มั่นคง
อีกท่าที่พบเห็นบ่อยคือ ท่ากวาดแขนข้ามแม่น้ำ ที่เน้นความต่อเนื่อง ของการเคลื่อนไหว คล้ายเมฆที่ลอยไปมา นอกจากนี้ ยังมีท่าข้าวสารยืดปีก ที่ช่วยเสริมสมาธิ และการทรงตัวให้มั่นคง และสุดท้ายคือ ท่าปิดท้าย ซึ่งช่วยปรับสมดุลพลัง ให้กลับสู่จุดศูนย์กลางของร่างกาย
สรุป ไทเก๊ก มีกี่ท่า ไทเก๊กมีต้นกำเนิดจากจีน แตกแขนงออกเป็นหลายสาย โดยแต่ละสาย มีเอกลักษณ์ในการเคลื่อนไหว และการควบคุมพลังชี่ต่างกันไป
เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่ใช้การเคลื่อนไหวช้า และต่อเนื่อง เพื่อฝึกสมาธิ การควบคุมพลังภายใน ส่วนชี่กงมุ่งเน้นการหายใจ และการไหลเวียนของพลังชีวิต
โดยทั่วไป การฝึกไทเก๊ก ควรใช้เวลาประมาณ 20–40 นาทีต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายและพลังชี่ไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้เริ่มต้นอาจเริ่มเพียง 10–15 นาที