กินฟักทอง ป้องกันโรค ดีต่อร่างกาย

กินฟักทอง ป้องกันโรค

กินฟักทอง ป้องกันโรค ดีต่อร่างกาย เป็นผักที่มีรสชาติหวาน และยังมีสีเหลืองนวล มีประโยชน์ที่ดี ต่อสุขภาพ และยังมีสารอาหารหลายชนิด คนไทยมักนิยมนำไปเป็น ส่วนผสมของขนมหวาน หรือนำไปทำอาหารคาว ได้หลายชนิด และฟักทองยังช่วยเรื่อง ความงาม ผิวพรรณ และบำรุงส่วนต่างๆ ได้ดีอีกด้วย

  • สายพันธุ์ฟักทองในประเทศไทย
  • วิธีการแยกฟักทองเป็นผลไม้หรือผัก
  • ประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายของฟักทอง
  • แนะนำเมนูอาหารน่าลองของฟักทอง

สายพันธุ์ ฟักทอง นิยมปลูกในไทย

สายพันธุ์หนัก: จะมีลักษณะเด่น คือ ผิวด้านนอกจะขรุขระ และลูกจะใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ยต่อลูก 5-7 กิโลกรัม ลูกเมื่อโตเต็มที่ จะเป็นทรงแป้น ด้านนอกเนื้อจะแบ่งออก เป็นแบบพู เนื้อด้านในหนา สามารถปลูกได้ ทุกพื้นที่ในประเทศไทย ได้แก่ ฟักทองอำไพ, ฟักทองอำพัน, ฟักทองประกายเพชร, ฟักทองข้าวตอกลูกใหญ่

สายพันธุ์เบา: มีผิวด้านนอก เหมือนคางคง และลูกไม่ใหญ่มาก น้ำหนักเฉลี่ยต่อลูก 2-3 กิโลกรัม เนื้อด้านในเป็นสีเหลืองเข้ม เนื้อจะมีความเหนียว รสชาติหวาน สามารถปลูกได้ ทุกพื้นที่ของประเทศไทย ได้แก่ ฟักทองอัสนี, ฟักทองศรีเมือง, ฟักทองลายข้าวตอกลูกกลาง

สายพันธุ์เล็ก: ผิวด้านนอกขรุขระ เปลือกบาง เนื้อด้านในไม่เยอะมาก มีสีเหลือง เนื้อไม่เหนียว น้ำหนักต่อลูก 0.8-1.2 กิโลกรัม ขนาดลูกเล็ก เหมาะแก่การนำไปทำขนม เช่น สังขยาฟักทอง สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ ได้แก่ ฟักทองบึงกาฬ

ที่มา: สายพันธุ์ฟักทองยอดนิยม [1]

แยกยังไง ฟักทอง เป็นผักหรือผลไม้

หลายคนคงมีความเข้าใจว่า ฟักทองคือผัก เพราะในทุกตลาด ฟักทองจะถูกนำไปวาง ไว้กับพืชผัก และคนส่วนมาก มักนำฟักทอง ไปประกอบอาหาร หรือนำไปเป็น เครื่องเคียง กินกับน้ำพริก นำไปผัดทำเป็นเมนูหลัก และมีการ นำเอาไปทำขนม แต่มีเพียงไม่กี่เมนู ที่ใช้ฟักทอง

หากอิงตาม หลักพฤกษศาสตร์ ฟักทองจะถูกจัดว่าเป็นผลไม้ เพราะมีการผสมเกสร และเติบโตมาจากรังไข่ และนิยามของผลไม้คือ โตมาโดยการ ผสมเกสร ออกดอก และมีเมล็ดอยู่ภายใน ซึ่งฟักทองเข้าข่าย จึงจัดว่าเป็นผลไม้ ที่สามารถนำมา ประกอบอาหารได้ หรือต้องผ่านการปรุง จึงจะสามารถกินได้ นั้นเอง

สารอาหาร ของฟักทอง

สารอาหารฟักทอง ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 26 กิโลแคลอรี และสารอาหารอื่นๆ ดังนี้

วิตามินในฟักทอง (หน่วยเป็น มิลลิกรัม )

  • วิตามินบี1 = 0.05
  • วิตามินบี2 = 0.11
  • วิตามินบี3 = 0.6
  • วิตามินบี5 = 0.298
  • วิตามินบี6 = 0.061
  • วิตามินซี = 9
  • วิตามินเค = 0.0011
  • วิตามินอี = 0.44
  • วิตามินเอ = 0.476

แร่ธาตุในฟักทอง (หน่วยเป็น มิลลิกรัม)

  • แคลเซียม = 21
  • แมงกานีส = 12
  • โพแทสเซียม = 340
  • เหล็ก = 0.8
  • ฟอสฟอรัส = 44
  • สังกะสี = 0.32
  • โซเดียม = 1

สารอาหารอื่นๆ ของฟักทอง (หน่วยเป็น กรัม)

  • น้ำตาล = 2.76
  • ไขมัน = 0.1
  • โปรตีน = 1
  • เส้นใย = 0.5
  • คาร์โบไฮเดรต = 6.5
  • เบตาแคโรทีน = 0.0031
  • ลูทีนและซีแซนทีน = 0.0015

กินฟักทอง ป้องกันโรค และประโยชน์ด้านสุขภาพ

กินฟักทอง ป้องกันโรค

1. เพิ่มประสิทธิภาพ ของกล้ามเนื้อ และช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ หลังการออกกำลังกาย
2. ช่วยลดอาการปวด บริเวณข้อเข่า และช่วงบริเวณเอว
3. ในฟักทองมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเรื่องการป้องกันเซลล์ และช่วยชะลอวัย เหมือนกันกับ ผักและผลไม้ สีแดง
4. ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง
5. ส่วนเมล็ด ช่วยทำให้อารมณ์ดี เพราะมีสารที่ช่วย ไปเสริมสร้าง ให้ร่างกายผลิตสาร Serotonin ที่ช่วยทำให้อารมณ์ดี
6. ช่วยเรื่องควบคุมน้ำหนัก เหมาะสำหรับคนที่ กำลังลดน้ำหนักอยู่ เพราะมีไขมันน้อยและเส้นใยสูง
7. ช่วยป้องกัน การเกิดโรคมะเร็ง และลดอัตราความเสี่ยง ของการเกิดโรคมะเร็ง
8. ส่วนของเปลือก มีคุณสมบัติ ช่วยกระตุ้นการหลั่ง อินซูลินในร่างกาย ช่วยเรื่องระดับน้ำตาล และป้องกันโรคเบาหวานได้
9. เส้นใยของฟักทอง สามารถนำมาพอกแผล ลดอาการช้ำ และลดการอักเสบได้
10. น้ำมันของเมล็ดฟักทอง ช่วยเรื่องการบำรุงประสาท

ที่มา: ฟักทองสรรพคุณและประโยชน์ [2]

งานวิจัย ข้อควรระวัง ของการกินฟักทอง

ช่วยเรื่องการขับปัสสาวะ: งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ จากวารสาร Bangladesh Journal of Pharmacology เมื่อปี พ.ศ. 2555 พบว่า ในฟักทองมีสารอาหาร หลายชนิด ที่ช่วยเรื่องการขับปัสสาวะ และหากมีการ กินสารสกัดจากฟักทอง ในปริมาณมาก อาจจะทำให้ปัสสาวะ บ่อยมากยิ่งขึ้น

ผู้ที่มีอาการแพ้ฟักทอง: งานวิจัยนี้ชื่อว่า The Journal of allergy and clinical immunology เมื่อปี พ.ศ. 2543 มีการวิจัยอาการแพ้ ฟักทองและผลไม้ ตระกูลแตง ซึ่งวิจัยมาจาก การรายงานอาการป่วย ของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่กินซุปฟักทอง และมีอาการแพ้ พบว่า ฟักทองมีสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งอาจจะทำให้แพ้ได้ในบางคน

ที่มา: ฟักทองประโยชน์และข้อควรระวัง [3]

7เมนูทำง่าย จากฟักทอง

1. มันบดฟักทอง = อาหารอ่อนๆ รสชาตินุ่มนวล เหมาะสำหรับเด็ก หรือผู้ที่กำลังป่วย ช่วยเพิ่มสารอาหารได้ดี
2. ผัดฟักทองใส่ไข่แบบคลีนๆ = เหมาะสำหรับ คนที่กำลังลดน้ำหนัก ลดการใช้น้ำมัน โดยการใช้น้ำแทนในการผัด
3. พ็อทพายไก่ฟักทอง = ซุปฟักทองหอมๆ สีเหลืองนวล ปิดด้านบนด้วยแป้งพายกรอบๆ ละมุนลิ้น
4. แกงฟักทอง = อาหารลำ ของทางภาคเหนือ รวมรสชาติความอร่อย เผ็ด หอมเครื่องเทศ สารอาหารครบ
5. ซุปฟักทองร้อน = เป็นเมนูที่เหมาะ กับคนที่พึ่งทำศัลยกรรมมา เพราะทานง่าย ฟักทองยังช่วยลด อาการบวม
6. แกงเลียง = เป็นเมนู อาหารรวมผัก ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากๆ เพราะมีผักหลายชนิด และรสชาติอร่อย
7. แกงเผ็ดอกไก่ใส่ฟักทอง = ฟักทองช่วยเพิ่มรสชาติหวาน เผ็ดนิดๆ มีรสกลมกล่อม เป็นเมนู ขาวหมดจานได้เลย

หากสนใจอ่านวิธีการทำอาหารจากฟักทองเพิ่มเติมคลิกอ่านได้ที่ wongnai.com

โดยสรุป กินฟักทอง ป้องกันโรค

โดยสรุป กินฟักทอง ป้องกันโรค และยังช่วยบำรุงร่างกาย ในส่วนต่างๆ ได้อย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยเรื่อง ลดอาการบวม บรรเทาอาการช้ำ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ พึ่งทำศัลยกรรมมา หรือพึ่งเข้ารับการผ่าตัด กินฟักทองจะช่วยได้อย่างมาก ในฟักทองยังมี สารอาหารอีกหลากหลาย ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

ทำไมฟักทอง ถึงได้เป็นผลไม้

เพราะฟักทอง มีการผสมเกสร และมีการเจริญเติบโต ที่เข้าข่ายกลุ่มผลไม้ โดยรูปแบบการผสมเกสร และมีการออกดอก เมื่อผลโตเต็มที่ จะมีเมล็ดอยู่ภายในผล ในทางพฤกษศาสตร์ จึงจัดให้ฟักทอง อยู่ในกลุ่มผลไม้ 

ฟักทอง ช่วยลดน้ำหนัก ได้จริงหรือไม่

สามารถลดน้ำหนักได้จริง เพราะในฟักทองมีเส้นใย และมีสารอาหารอื่นๆ จำนวนมาก ฟักทองมีไขมันต่ำ ฟักทองในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานเพียงแค่ 26 กิโลแคลอรี สามารถกินเพื่อให้อิ่มท้องได้ และยังช่วยเรื่องการ รักษาระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง