
ปีนผา ทะเลทราย เป็นกิจกรรมผจญภัย ที่ท้าทายธรรมชาติอย่างถึงขีดสุด เป็นกีฬาที่ไม่ได้ต้องการแค่พละกำลัง แต่ต้องใช้เทคนิค การวางแผน และการรับมือกับสภาพแวดล้อม ที่โหดร้ายไปพร้อมกัน สนามปีนประเภทนี้ จึงเป็นเสน่ห์ของนักปีนผา ที่อยากก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
หน้าผาทะเลทราย มักเป็นหินทราย หรือหินที่ถูกกัดเซาะมานาน ทำให้พื้นผิวมีทั้งความเปราะบาง และลวดลายซับซ้อน ผนังหินเหล่านี้ มักเกิดเป็นรอยแตก รูพรุน หรือแนวร้าว ที่กลายเป็นจุดจับ หรือวางเท้าได้ดี แต่นักปีนต้องระวัง การพังทลายของหินบางประเภท ซึ่งอาจหลุดร่วงได้ง่าย กว่าผาหินทั่วไป
สถานที่ยอดนิยม ที่นักปีนทั่วโลก ใฝ่ฝันจะพิชิต ได้แก่
ทะเลทรายมีอุณหภูมิสูงมาก ในตอนกลางวัน และต่ำในตอนกลางคืน การปีนผาจึงต้องวางแผนเวลาให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงแดดร้อนจัด เพราะผนังหิน ที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ อาจมีอุณหภูมิสูง จนทำให้มือพอง หรือเหงื่อออกมากเกิน ควบคุมการจับได้ยาก
นอกจากนี้ ลมแห้งและฝุ่นทราย ที่ลอยอยู่ในอากาศ ยังส่งผลต่อความชื้นของมือ ทำให้ผิวหนังแห้งแตกง่าย และฝุ่นที่เกาะตามอุปกรณ์ อาจกัดกร่อนโลหะ หรือทำให้กลไกล็อก เสื่อมประสิทธิภาพ
นักปีนจำนวนมาก เลือกปีนในช่วงเช้าตรู่ หรือเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดตรง ๆ และใช้เสื้อผ้า ที่ระบายอากาศดี พร้อมหมวก และแว่นตากันแดด เป็นอุปกรณ์พื้นฐาน นอกจากนี้ บางคนยังใช้แขนปลอกกันแดด หรือครีมกันแดด สูตรกันเหงื่อ เพื่อเสริมการป้องกันผิวหนัง จากรังสี UV ที่รุนแรง ในทะเลทราย
การปีนผาในทะเลทราย จำเป็นต้องใช้เทคนิคเฉพาะ เช่น การวางเท้าอย่างเบา เพื่อไม่ให้หินแตก การเลือกจุดจับที่มั่นคง โดยดูจากสี หรือลักษณะผิวหิน และการพกแปรงปัดทราย เพื่อให้พื้นผิวสะอาดก่อนจับ เพื่อให้แน่ใจว่า จุดที่จับหรือเหยียบ มีความแข็งแรงพอ
นอกจากนี้ นักปีนยังต้องฝึกควบคุมการทรงตัว ในสภาพที่ฝุ่นทรายเกาะรองเท้า หรือมือได้ง่าย ซึ่งอาจทำให้ลื่น และต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เมื่อพบจุดที่ไม่มั่นคง
อุปกรณ์ควรใช้ แบบน้ำหนักเบา และทนต่อฝุ่น เช่น เชือกเคลือบกันทราย คาราบิเนอร์แบบไม่เป็นสนิม และอุปกรณ์ปีน ที่มีระบบล็อกสองชั้น เพื่อความปลอดภัย เพราะหินบางจุดอาจลื่น หรือหลุดง่าย หากเกิดการสึกกร่อน อีกทั้งควรพก ถุงมือกันแดดแบบบาง เพื่อป้องกันมือพอง จากการจับหินร้อนโดยตรง
กิจกรรมนี้ ไม่เพียงเป็นการออกกำลังกาย หรือผจญภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นบทฝึกความอดทน ความนิ่ง และการมีสติ ในภาวะกดดัน ความเงียบของทะเลทราย และความเวิ้งว้าง ของหน้าผา ทำให้การปีนกลายเป็นช่วงเวลา แห่งการเผชิญหน้า กับตัวเอง
หลายคนบอกว่า การปีนผาท่ามกลางทะเลทราย เช่นเดียวกับกิจกรรม แนวผจญภัยอื่นอย่าง สกี ทะเลทราย คล้ายกับการทำสมาธิ ที่ต้องจดจ่อกับทุกก้าว และการตัดสินใจ ไม่มีเสียงรบกวน มีเพียงลมหายใจ เสียงลม และผาหินเบื้องหน้า [2]
ปัจจุบันสถานที่ปีนผา ในทะเลทราย กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศ ที่มีภูมิประเทศแบบแห้งแล้ง นักท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ให้ความสนใจมากขึ้น และมีการจัดทริปนำปีน แบบมืออาชีพ รวมถึงค่ายฝึกซ้อม ในพื้นที่ทะเลทราย สำหรับผู้เริ่มต้น
หลายพื้นที่ มีการส่งเสริมกิจกรรมนี้ อย่างยั่งยืน โดยควบคุมจำนวนผู้เข้าใช้ ไม่ทำลายหน้าผาธรรมชาติ และสอนให้นักปีน เคารพต่อระบบนิเวศทะเลทราย เพื่อรักษาความงดงาม ของธรรมชาติไว้ ในระยะยาว
ก่อนเริ่มปีนผาทะเลทราย นักปีนควรตรวจสอบสภาพอากาศ อย่างละเอียด พร้อมเตรียมน้ำดื่ม ให้เพียงพอ และวางแผนการปีน ให้สอดคล้องกับช่วงเวลา ที่ปลอดภัยที่สุด เช่น ตอนเช้า หรือเย็น
อุปกรณ์ที่ต้องมี ได้แก่
นอกจากนี้ ควรแจ้งแผนเส้นทาง ให้ทีมงาน หรือคนในพื้นที่ รู้ล่วงหน้าเสมอ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน กลางทะเลทราย [3]
ปีนผา ทะเลทราย เป็นมากกว่าการผจญภัย กลางแดดร้อน มันคือการเผชิญหน้า กับความเปลี่ยนแปลง ของธรรมชาติ และขีดจำกัดของตัวเอง นักปีนที่เคยผ่านสนามทะเลทราย ต่างบอกว่า ทุกครั้งที่พิชิตหน้าผาเหล่านี้ได้ พวกเขาไม่ได้แค่พิชิตความสูง แต่ยังเข้าใจตัวเองมากขึ้น ในทุกก้าวที่ปีน
ไม่แนะนำ ให้เริ่มปีนที่ทะเลทรายทันที ควรเริ่มจากฝึกปีน ในที่ที่ปลอดภัย เช่น ผาจำลอง หรือหน้าผา ในพื้นที่อากาศปกติก่อน เพื่อเรียนรู้การใช้เทคนิคพื้นฐาน จากนั้นจึงค่อยปีนกับไกด์ หรือทีมที่เชี่ยวชาญ ในทะเลทราย ซึ่งจะช่วยให้ปลอดภัย และเรียนรู้ได้ไวขึ้น
ช่วงเช้าตรู่ หรือเย็น เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพราะอุณหภูมิค่อนข้างเย็น และแสงไม่รุนแรงเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการปีน ในช่วงแดดจ้า หรือฤดูร้อน เพราะผาหินจะร้อนจัด จนจับไม่ได้ และเสี่ยงต่อการเป็นลมแดด