
รวมเรื่องพริก ที่น่าสนใจ ผักเพิ่มรสชาติ เป็นผักที่ขาดไม่ได้เลย ในการปรุงอาหาร ประเภทผัดหรือต้ม เพราะเป็นส่วนที่ เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน ให้กับอาหาร นอกจากนี้รสชาติเผ็ด ของพริกยังมีประโยชน์ ด้านสุขภาพอีกหลายด้าน และยังเป็นผักที่มี ในแทบทุกตลาด หรือห้างสรรพสินค้า
ชื่อทั่วไป: พริก
ชื่อสามัญ: Chili, Pepper, Sweet pepper, Hot pepper, Bird pepper, Capsicum, Paprika
ชื่อทางวิทยาศาสตร์N: Capsicum spp.
ชื่อวงศ์: SOLANACAEAC
พริกถูกจัดให้อยู่ในตระกูล โซลานาซีอี (Solanaceae) เป็นผักตระกูลเดียวกับ มะเขือ และยาสูบ มีผักอยู่ตระกูลเดียวกันมากถึง 90 สกุล และยังมากกว่า 2000 ชนิด และผักตระกูลนี้ เป็นพืชล้มลุก ไม้พุ่ม ขนาดเล็ก พบได้ทั่วไปของ ทั้งโลก มีการปลูกและบริโภคพริก กันอย่างแพร่หลาย
พริกถูกค้นพบครั้งแรก ที่แถบอเมริกากลาง เมื่อ 7000 ปีก่อน และได้เริ่มมีการปลูก และเผยแพร่ไปยังทั่วโลก พริกเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ สมัยโบราณ และประเทศไทยเรานั้น ได้มีการปลูกพริกมากถึง 831 สายพันธุ์ และมีการแบ่งกลุ่มพริก ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ
1. Capsicum annuum L.: เป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด ของบรรดาเหล่าพริกทั้งหมด พริกสายพันธุ์นี้คือ พริกชี้ฟ้า, พริกจินดา, พริกแดง, พริกหวาน
2. Capsicum chinense Jacq.: เป็นสายพันธุ์ที่ลูกเล็ก และรสชาติเผ็ดที่สุด มีพริกตามนี้ พริกขี้หนู, พริกเล็บมือนาง, พริกสวน, พริกกลาง
3. Capsicum pubescens Ruiz & Pavon: พริกชนิดนี้ทนต่ออากาศ และเป็นพริกที่มีน้ำ แต่รสชาติเผ็ด ในไทยมีสายพันธุ์เดียว คือ พริกขาวดำ
4. Capsicum baccatum L.: พริกชนิดนี้ ใกล้เคียงกับ Capsicum chinense Jacq แต่ดอกจะเป็นสีขาว มีจุดสีเหลือง พบได้ในไทย เป็นพริกขี้หนู
5. Capsicum frutescens L: พริกชนิดนี้นิยม ใช้ในรูปแบบการสกัด และยังพบในสายพันธุ์อื่น พริกชนิดนี้คือ พริกชี้ฟ้า, พริกขาว, พริกเกษตร
ที่มา: พริก [1]
ความเผ็ดของพริก เราอาจจะคิดว่าไม่มีค่าวัด แต่จริงๆ แล้ว มีหน่วยการวัดระดับ ของความเผ็ดอยู่คือ “สโกวิลล์ (Scoville)” หากเทียบตัวอย่าง พริกขี้หนูของบ้านเรา จะมีค่าความเผ็ดอยู่ที่ 50,000-100,000 สโกวิลล์ นอกจากนี้ยังเคยมี การบันทึกสถิติ ของพริกที่เผ็ดที่สุดมาแล้วคือ พริกฮาบาเนโร ค่าความเผ็ดอยู่ที่ 350,000 สโกวิลล์
พริกมีสารแคปไซซิน (Capsicin) สารตัวนี้จะให้ความ เผ็ดร้อน สารตัวนี้มีทั่วและเต็มในพริก จะมีมากในส่วนของ ไส้กลางของพริก สารตัวนี้ดีต่อสุขภาพ และยังมีสมบัติพิเศษ ที่สามารถทนต่อการ แปรสภาพได้ เช่น การนำไปตาก หรือการนำไปทอด สารตัวนี้จะยังคงอยู่ และยังคงให้รสชาติเผ็ด เหมือนตอนเป็นผลสด
1. ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยเรื่องการเกิดริ้วรอย
2. สารแคปไซซินในพริก มีการนำมาสกัดเพื่อ ช่วยลดอาการปวด บริเวณผิวหนัง จากแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้
3. สารแคปไซซินในพริก ช่วยกระตุ้นสมอง ให้หลั่งสารที่ทำให้ เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขได้
4. ช่วยทำให้จมูกโล่ง เพราะในพริกมีสารก่อความร้อน ทำให้ไปละลาย สิ่งกีดขวางทางเดินหายใจ
5. เสริมสร้างภูมิต้านทาน ให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น
6. เพิ่มความอยากอาหาร เพราะไปกระตุ้นต่อมน้ำลาย และปลายประสาท ให้สมองรับรู้ความอยากอาหาร
7. มีวิตามินเอ วิตามินซี และสารเบต้าแคโรทีน เหมือนกับผักสีเขียว ช่วยเรื่องสุขภาพดวงตา เหมือนกันกับ กินผักบุ้ง ดีต่อดวงตา และจอประสาทตาส่วนอื่นๆ
8. ช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะมีสาร Thermageic เป็นสารก่อความร้อน มีส่วนช่วยเรื่องการเผาผลาญ
9. ช่วยรักษาอาการ เลือดออกตามไรฟัน หรือโรคลักปิดลักเปิด
10. ช่วยสร้างคอลลาเจน ให้กับร่างกายได้ เพราะพริกมีวิตามินซี
ที่มา: 20ข้อดีของพริก [2]
ช่วยรักษาแผลภายในกระเพาะอาหาร: หลายคนคงคิดว่า การเป็นแผล ในกระเพาะอาหาร อาจจะเป็นเพราะการกินเผ็ด ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ ได้พิสูจน์แล้วว่า การกินพริกจะทำให้ร่างกาย ได้รับสารแคปไซซิน ที่ช่วยเรื่องการยับยั้ง การหลั่งกรดในกระเพาะ ซึ่งเป็นตัวช่วยรักษา แผลในกระเพาะ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
ช่วยรักษาโรคสะเก็ดเงิน: ได้มีการศึกษา สารแคปไซซิน ที่พบในพริก ว่าหากสกัดสารเหล่านี้ และนำไปทำตัวยาทา และทดลงให้คนเป็นโรคสะเก็ดเงินใน สามารถช่วยรักษาลดอาการได้ แต่ช่วงแรกจะมี ผลข้างเคียง คือ แสบร้อน และคันบริเวณที่ทา แต่เมื่อทาไปสักระยะ จะมีอาการดีขึ้นตามลำดับ
รักษาผู้ป่วยที่ปวดเอว: ได้มีการทดลอง ให้ผู้ป่วยอายุช่วง 18 ปีขึ้นไป จำนวน 755 คน ที่มีอาการปวดเอว ชนิดเรื้อรัง ได้ทดลองให้ครีม ที่มีสารสกัดจากแคปไซซิน พบว่าอาการปวด บรรเทาลง แต่ยังไม่มีข้อสรุป ของการใช้สารตัวนี้ในระยะยาว จึงต้องมีการศึกษาวิจัยต่อไป เพื่อหาข้อสรุปของการใช้สารในพริก เพื่อลดอาการ
ที่มา: พริกความเผ็ดร้อนและคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ [3]
สำหรับพริกที่จะพูดถึงวันนี้คือ “พริกขี้หนู” ในทางโหราศาสตร์ พริกขี้หนูถือว่าเป็นความกลมกลืน แต่ยังคงความสง่างาม เมื่อหันไปทางทิศใต้ เพราะทิศนี้เป็นสัญลักษณ์ ของธาตุไฟ และพริกขี้หนูก็ถูกกล่าวได้ว่า เป็นพืชผัก ที่มีความเผ็ดร้อน จึงเป็นผักที่ลงตัวแก่ธาตุนี้
นอกจากจะวางในทางทิศใต้จะดีแล้ว พริกขี้หนูยังช่วยเสริมฮวงจุ้ย สำหรับผู้ที่ปลูกได้อีก ดังนี้
1. เพิ่มความหลงใหล: เพราะพริกขี้หนู ถือเป็นตัวแทนของธาตุไฟ ช่วยเพิ่มเสน่ห์ และความคิดสร้างสรรค์
2. การเปลี่ยนแปลงตนเอง: ในทางฮวงจุ้ย จะเรียกพริกขี้หนูว่า “Li” หรือ “Qi” จะช่วยเรื่องการพัฒนาตนเอง
3. ช่วยเรื่องป้องกัน: พริกขี้หนู เมื่ออ่านแบบตัวหนา จะสื่อถึงการปกป้อง และความปลอดภัย มั่นคง
หากสนใจอ่านเรื่องฮวงจุ้ยของพริกขี้หนูเพิ่มเติมคลิกอ่านได้ที่ picturethisai.com
โดยสรุป รวมเรื่องพริก ที่น่าสนใจ เป็นผักที่มีคุณค่าอย่างมาก และยังเป็นผักที่ตอนนี้ มีนักวิทยาศาสตร์สนใจ ศึกษา สารแคปไซซินในพริก อีกจำนวนมาก นอกจากรสชาติเผ็ดร้อน ยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพอีกหลายด้าน เป็นผักที่เหมาะแก่การ บริโภคอย่างมาก
จริง เพราะพริกมีส่วนเสริมสร้างคอลลาเจน ที่สำคัญให้กับร่างกาย และยังมีส่วนช่วยเรื่องการ ชะลอวัย ช่วยลดการแก่ก่อนวัยได้ นอกจากนี้พริกยังมีวิตามินซี ที่เป็นส่วนช่วยเรื่อง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย กินพริกนอกจากจะเพิ่มรสชาติ ยังเพิ่มความสวยได้อีกด้วย
สามารถสกัด นำไปเป็นส่วนผสมของ ครีม หรือเจล ที่ใช้ทาลดอาการปวดได้ และยังมีการศึกษา และทดลองอยู่ เรื่องการใช้สารตัวนี้ เบื้องต้นสารตัวนี้ช่วยบรรเทา อาการปวดได้จริง แต่ยังไม่มีข้อสรุป ของการใช้ในระยะยาว