
สรรพคุณ องุ่นเขียว เพิ่มวิตามิน ผลไม้รสชาติดียอดนิยม ของเหล่าเด็กๆ ที่ช่วยเพิ่มวิตามิน สารอาหารให้ร่างกาย มีรสหวานอมเปรี้ยว ยังช่วยป้องกันโรค และยังมีความเชื่อ ผลไม้เสริมมงคล สามารถหาซื้อได้ ทั่วไปตาม ตลาด แม็คโคร หรือโลตัส ราคาขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาล
องุ่นเขียว (Green Grape) 1 ใน 14 สายพันธุ์ที่นำเข้ามายังประเทศไทย เป็นไม้เลื้อยยืนต้น ก้านเลื้อย มีขนคลุมก้าน เปลือกขรุขระสีน้ำตาล เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ลักษณะใบกลม ก้านยื่นยาว ใบมีรูปร่างคล้ายฝ่ามือ
ออกดอกเป็นช่อ มีกลิ่นหอม ออกตามซอกใบและกิ่ง รากเป็นระบบรากแก้ว แทงลงลึกใต้ดิน และแตกแขนง
ผลองุ่น จะมีหลายรูปแบบ มีทั้งลูกยาวเป็นวงรี และลูกกลมมน สีเขียว ผลจะออกเป็นพวงย้อยลงได้ทรงพีระมิด เปลือกบาง ก่อนสุกจะเป็นสีเขียวผลเล็ก รสชาติเปรี้ยว ผลสุกจะโตเนื้อเต็ม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน องุ่นเขียวในไทย ยังเป็นองุ่นแบบมีเมล็ดอยู่ เม็ดไม่เยอะ แต่มีลักษณะเหมือนหยดน้ำ สีขาว เมล็ดแข็ง
องุ่นเขียว ชื่อภาษาอังกฤษ = Green Grape Vine
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ = Vtis vinifera Linn
ชื่อในวงศ์ = Vitaceae
ที่มา: องุ่นเขียว [1]
องุ่นเขียวสามารถเติบโตได้ดี บนดินร่วนปนทราย และมีระบบการระบายน้ำที่ดี ผลออกลูกดีช่วงหน้าฝน การเริ่มต้นปลูก มีหลายวิธีที่นิยมใช้กัน แต่วิธีปักชำกิ่ง จะนิยมมากในไทย คือการนำกิ่งปักลงในดิน เว้นระยะห่างในพอดี และมีคานให้ก้านเลื้อยขึ้น วิธีนี้ผลผลิตจะออกไว และทำให้ต้นเติบโตไว้เร็ว
การดูแลเมื่อปลูกองุ่น องุ่นเขียวจะเติบโตไว ในอากาศร้อน มีแสงแดดส่องได้ดี และมีระบบระบายน้ำที่ถ่ายเทได้ดี ปลูกครึ่งปีแรก รดน้ำเช้า-เย็น หลัง 6 เดือนเว้นระยะการให้น้ำ ผลผลิตจะเริ่มออกเมื่อครบ 1-2 ปี ลูกจะออกเป็นพวงสีเขียว สามารถใช้กรรไกร ตัดขั้วออกทั้งพวง และมีภาชนะรองรับที่ดี
สารอาหารที่จะได้รับ เมื่อกินองุ่นเขียว 100 กรัม ให้พลังงานทั้งหมด 69 กิโลแคลอรี่
วิตามินที่ได้รับ (หน่วยเป็น มิลลิกรัม)
สารอาหารอื่นๆ (หน่วยเป็น กรัม )
ที่มา: องุ่นเขียวไร้เมล็ด [2]
ในองุ่นเขียว มีสรรพคุณที่ช่วยให้ร่างกาย แข็งแรง รสชาติเปรี้ยวหวาน กินง่าย และเพิ่มความอยากอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยด้านสุขภาพ อีกหลายเรื่อง เช่น
ที่มา: องุ่นเขียวPremium Green Grape [3]
มีการวิจัยทางระบาดวิทยา บอกถึงผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ และกลุ่มคนที่ชอบกินองุ่น มีปริมาณคอเลสเตอรอลลดลง และสภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรค หลอดเลือดหัวใจน้อยกว่าคนทั่วไป เพราะในองุ่นมี สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) สารตัวนี้จะช่วย ยังยั้งการแข็งของเซลล์ เม็ดเลือดแดง และการแข็งของหลอดเลือด
การลดคอเลสเตอรอล เกิดขึ้นจาก การยับยั้งคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และทำให้ขบวนการดีท็อกซ์ ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การวิจัยนี้ยังต้อง มีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาการทำยาจากองุ่น ให้ผู้ป่วยทุกคนได้กินอย่างมีคุณภาพ และสามารถหาซื้อได้ สะดวกมากยิ่งขึ้น
หากสนใจอ่านเรื่องประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมคลิกอ่านได้ที่ sanook.com
ตามความเชื่อ ของชาวสเปน ที่เชื่อว่าหากกินองุ่น 12 ลูก ใต้โต๊ะ ในวันปีใหม่จะโชคดี โดยการกินจะต้องอยู่ใต้โต๊ะ และก่อนปีใหม่จะมีเสียงระฆังดัง 12 ครั้ง ให้กินทีละ 1 ลูก ตามเสียงระฆัง ก่อนเริ่มวันปีใหม่ เชื่อว่าจะทำให้โชคดีตลอดทั้งปี
เทรนนี้เริ่มเป็นที่พูดถึง กันในโซเชียล และมีชาวเน็ตหลายคน โยงไปถึงเรื่องความรัก หากกินครบ 12 ลูก ก่อนวันปีใหม่ เชื่อว่าจะมีความรักที่สมหวัง และจะเจอคู่ครองภายในปีนั้น ซึ่งทฤษฎีนี้ได้คิดค้น ขึ้นมาเองและมีหลายคน เริ่มทำตามเพราะเชื่อว่า จะมีความรักจริงๆ
ในประเทศไทย ตอนนี้เริ่มมีกระแส การกินองุ่นเขียวเข้ามา มีกระแสเข้ามาทาง TIKTOK และนอกจากนี้ ยังมีความเชื่อต่างๆ เกี่ยวกับผลไม้ชนิดอื่นอยู่อีกมาก ตัวอย่างนี้มาจากประเทศจีน ยังไงก็แล้วแต่การกินผลไม้ ก็ยังส่งผลดีต่อร่างกาย และทำให้มีกำลังใจในการกินเพิ่มขึ้น อีกด้วย
ที่มา: เทรนปีใหม่กินองุ่นเขียว [4]
สรุป สรรพคุณ องุ่นเขียว เพิ่มวิตามิน ในองุ่นมีวิตามิน ทั้งวิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินบี9 และสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย ที่ช่วยทั้งเรื่องสุขภาพ และผิวพรรณ มีทั้งความเชื่อ ที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เป็นผลไม้ที่คุณค่าหลากหลาย แนะนำให้ทุกคนกินได้อย่างสบายใจ
ในองุ่นเขียว มีน้ำตาล 15.48 กรัม ซึ่งเมื่อเทียบกับ กล้วย ที่มีน้ำตาล 12 กรัม หรือ แอปเปิ้ล ที่มีน้ำตาล 10 กรัม องุ่นถือว่าเป็นผลไม้ ที่มีน้ำตาลค่อนข้างสูง หากกินเยอะเกินไป อาจจะทำให้อ้วนได้ ควรกินองุ่นไม่เกินวันละ 10 ลูก จะได้น้ำตาล ไม่สูงเกินไป และไม่เสี่ยงต่อการอ้วน
ในทางการแพทย์ตอนนี้ ยังไม่มีการห้ามกินองุ่น แต่หากต้องการกินในรูปแบบ ของอาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์ยา ที่มีส่วนผสมขององุ่น ในปริมาณที่มากเกินไป ยังไม่ควรกิน เพราะหากกินเยอะเกินไป อาจจะส่งผลเสียต่อ ทารกในครรภ์ หรือเด็กที่จะได้รับสารอาหารทางน้ำนม ควรกินในปริมาณ ที่เหมาะสมหรือ งดการกินองุ่นไปก่อน