
สรรพคุณ แครอท ปกป้องผิว ดีต่อสุขภาพ เป็นผักสีส้มสด รสชาติหวานกรอบ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยเรื่องการบำรุง ทั้งการบำรุงร่างกาย และบำรุงผิวพรรณ เพราะอุดมไปด้วยสารอาหาร หลากหลายชนิด หลายคนชอบกินแบบสด เพราะรสชาติหวานกรอบ สดชื่น และยังมีหลายคนชื่นชอบการนำไปประกอบอาหาร
แครอทมีถิ่นกำเนิด จากแถบเอเชียกลางลากยาวมาจนถึงทางตะวันออก ในเวลาต่อมาได้มีการ ขยายพันธุ์เข้าสู่ ประเทศทางฝั่งยุโรป จีน และเอเชีย เป็นพืชที่ชื่นชอบอากาศเย็น และจะเติบโตได้ที่ในพื้นที่ ที่มีอากาศหนาว ชอบแสงแดดส่องปานกลาง ไม่ชอบแดดจ้า จนเกินไป
เข้ามาในประเทศไทย และมักพบปลูกจำนวนมาก ทางภาคเหนือ และภาคกลาง เนื่องจากสภาพภูมิอากาศ ทางภาคเหนือ เหมาะแก่การปลูก และมีพื้นที่ขยายพันธุ์ จำนวนมาก จะมีการแบ่งการเจริญพันธุ์ เป็น 2 ช่วงระยะ ระยะแรกจะเติบโตจาก ต้นสู่ใบ และสู่ราก ระยะสอง จะเติบโตแบบ ดอกและเมล็ด
ที่มา: แครอท [1]
สารอาหารจากแครอท ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 41 กิโลแคลอรี สารอาหารอื่นๆ ดังนี้
วิตามินในแครอท (หน่วยเป็น มิลลิกรัม)
แร่ธาตุในแครอท (หน่วยเป็น มิลลิกรัม)
สารอาหารสำคัญในแครอทอื่นๆ (หน่วยเป็น กรัม)
1. ช่วยบำรุงดวงตา และรักษาโรคต้อกระจก โรคตาพร่ามั่ว
2. มีส่วนช่วย บำรุง กระดูกและฟัน ให้มีสุขภาพช่องปากที่ดี
3. ช่วยป้องกันมลภาวะ จากแสงแดดได้ดี ป้องกันเซลล์ผิว
4. ช่วยเรื่องภูมิต้านทาน เหมือนกับการ กินฟักทอง ที่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง
5. ช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด ทำให้ระบบไหลเวียน ทำงานได้ดีขึ้น
6. รักษาไทรอยด์เป็นพิษ และโรคถุงลมโป่งพอง
7. เหมาะสำหรับผู้ที่ ท้องผูก ขับถ่ายไม่ดี เพราะช่วยเรื่องระบบขับถ่าย
8. ป้องกัน และลดอัตราความเสี่ยง ที่จะเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
9. ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมสภาพ ของเซลล์ผิว และช่วยเรื่องการชะลอวัย
10. ช่วยเรื่องผิวพรรณ ทำให้ผิวใส ผิวแลดูเปล่งปลั่ง
ที่มา: แครอทสรรพคุณและประโยชน์ [2]
สำหรับผู้ที่ชอบดื่มน้ำแครอท เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะแครอทมีส่วนช่วยเรื่องสุขภาพผิวที่ดี ดังนี้
1. ทำให้ผิวกระจ่างใส ขาวใสเปล่งปลั่ง เพราะในแครอทมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวอยู่
2. ทำให้ผิวดูเด็กลง ลดการแก่ก่อนวัย เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเรื่องดูแลเซลล์ผิว
3.ช่วยเรื่องสิวได้เป็นอย่างดี เพราะตัวสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดสิวได้ และวิตามินเอ ช่วยเรื่องการปรับสมดุลผิว ทำให้เกิดสิวได้ยากขึ้น
4. ลดรอยดำ รอยแดง จากสิว สารต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิว ทำให้ริ้วรอย รอยดำ รอยแดง แลดูลดลง
หากสนใจอ่านเรื่องการกินแครอทเพื่อบำรุงผิวเพิ่มเติมอ่านต่อได้ที่ sanook.com
แครอทสามารถกินได้ทั้ง ผลสด และผ่านการปรุงสุก แต่จะมีกลุ่มคนที่ มีอาการภูมิแพ้ ควรเลี่ยงการกินแครอท แบบสด และแนะนำให้กิน แครอทที่ผ่านการปรุงสุกแล้ว แครอทที่ผ่าน การทำให้สุก จะมีเบตาแคโรทีน ที่ช่วยเรื่องการ ดูดซึมสารอาหารที่ดีอยู่
สำหรับผู้ที่ ไม่เป็นโรคภูมิแพ้ แนะนำให้กินแบบผลสด เพราะในผลสด จะมีการสารอาหาร ครบมากกว่า และคงรสชาติได้ดีกว่า เพราะผลสดจะมีความกรอบ หวาน สามารถนำแช่ตู้ ทำให้เย็น เพื่อเพิ่มความสดชื่นได้ เพราะหากกินแบบปรุงสุก สารอาหารบางชนิด อาจจะเสียไป เมื่อผ่านความร้อน
ร่างกายจะสามารถ ดูดซึมแคโรทีนอยด์ และวิตามินเอ ได้ดีขึ้น เมื่อกินคู่กับ ผักหรือผลไม้ ที่มีไขมันดี หากต้องการสารอาหาร เหล่านี้นั้น ควรกินคู่กับ ผักผลไม้ที่มีไขมันเช่น อะโวคาโด ถั่ว หรือพวกธัญพืช เพื่อเพิ่มการดูดซึม สารอาหารเข้าสู่ร่างกาย
ที่มา: วิธีรับประทานและทำความสะอาดแครอท [3]
โดยสรุป สรรพคุณ แครอทปกป้องผิว สามารถช่วยเรื่องการบำรุง และยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพอื่นๆ อีกมากมาย ช่วยเรื่องเสริมภูมิคุ้มกัน และยังช่วยรักษาเซลล์ต่างๆ ทำให้ผิวขาวใสขึ้น และยังช่วยเรื่องการชะลอวัย สามารถนำไปทำอาหาร ได้หลากหลาย และยังกินแบบน้ำผลไม้ได้ เพิ่มรสชาติ และเพิ่มความสดชื่น
จริง หากกินแบบผลสด ในปริมาณมาก ร่างกายจะได้รับสาร เบตาแคโรทีนในปริมาณมาก สารตัวนี้อาจจะส่งผล ทำให้เซลล์ผิวเปลี่ยนสี เป็นสีเหลืองได้ แต่หากหยุดกินแครอท สักระยะหนึ่ง เซลล์ผิวจะปรับสภาพ กลับมาเหมือนเดิม ไม่ส่งผลอันตราย ต่อร่างกาย แต่อย่างใด
สามารถทำให้สุขภาพดวงตาดี เพราะมีวิตามินเอ และยังมีเบตาแคโรทีน และลูทีน ที่ช่วยเรื่องการบำรุงดวงตา และยังช่วยป้องกันโรค ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น โรคต้อกระจก โรคตาฝ้าฟาง โรคอื่นๆ อีกมากมาย ที่เกี่ยวกับดวงตา