
ใน อะโวคาโด มีประโยชน์ที่ต้องรู้ ก่อนการกิน ผลไม้สุขภาพชนิดนี้ รวมไปถึงวิธีการเลือก เพื่อจะได้รับสารอาหารที่ดีที่สุด เราจะมารู้ถึงประโยชน์ และโทษ เพราะอาจจะมีหลายคน ยังไม่ทราบถึงคุณประโยชน์ที่หลากหลาย และวิธีการเลือกผลสุก ว่านอกจากจะเป็นผลไม้สุขภาพแล้ว ยังช่วยต้านโรคอื่นๆ อีกมากมายรายละเอียด
อะโวคาโด (Avocado) เป็นพืชพื้นเมืองประจำเผ่า Mesoamerca มีถิ่นกำเนิดมาจากอเมริกากลาง อยู่ทางตอนใต้ของเมือง Puebel และ เมือง Coaxactian ได้มีการเผยแพร่ไปทวีปยุโรปในปลายศตวรรษที่ 16 เมื่อปี ค.ศ. 1780 โดยนำเข้ามาเผยแพร่ จากการค้าขายของชาวดัตช์ และมีการนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในปี ค.ศ.1892
ต่อมาเมื่อปี ค.ศ. 1825 ทางสหรัฐ ได้มีการนำมาปลูกในฮาวาย และยังมีการเผยแพร่ ไปอีกหลายพื้นที่ทั่วโลก จนทำให้ผลไม้ชนิดนี้ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ผลไม้ชนิดนี้จะมีการแบ่งออกเป็น 3 ตระกูลใหญ่ จะมีลักษณะที่สามารถจำแนก ได้อย่างชัดเจน
ประเทศไทย ได้นำเข้ามาปลูกครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2498 ที่จังหวัดน่าน กรมวิชาการ ได้นำเมล็ดเข้ามาวิจัย จากประเทศฟิลิปปินส์ โดยยังนำไปวิจัยต่อในจังหวัดต่างๆ เช่น สถานีทดลองพืชสวนพลิ้ว ในจังหวัดจันทบุรี และสถานีทดลองพืชสวนฝาง ในจังหวัดเชียงใหม่
ที่มา: อะโวคาโด [1]
วิธีการคัดเลือกจะมี หลักๆ จะแบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือการสังเกตจากสีของเปลือก และการสัมผัส หากเปลือกเป็นสีเขียว คือผลที่ยังไม่สุก หากเปลือกเป็นสีเข็มถึงดำ แสดงว่าสุกเกินไป อาจจะทำให้ผลเน่าเสีย นอกจากนี้การดูผลที่เน่า ยังสามารถดูได้จากขั้วของผล หากขั้วเหี่ยวแสดงว่าผลนี้สุกเกินไป ด้านในมีความเสี่ยงว่า จะเนื้อเละเกินไปหรือเน่าไปแล้ว
แล้วผลไหนสุกพอดี เราจะดูได้จากสีเปลือก ที่เปลือกไม่เข้มจนเกินไป จะออกสีน้ำตาลเข้ม แต่ยังไม่เข้มจนเกินไป ขั้วของผลยังไม่เหี่ยว และยังมีการสัมผัสเมื่อผลสุกแล้ว เนื้อจะนิ่มเมื่อบีบเบาๆ เนื้อจะยุบเสมอกันทั้งลูก แต่ไม่ควรบีบแรงจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เนื้อช้ำ รสชาติอาจจะเสียได้
เป็นที่ทราบกันดีว่า อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง ถึงแม้ว่าจะเป็นไขมันดี ที่ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่คุณรู้หรือไม่ ว่าหากกินอะโวคาโด กับผลไม้ชนิดอื่น หรือยาบางชนิด อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างรุนแรงได้ เช่น
1.กินคู่กับผลไม้ที่มีแป้งสูง: ยกตัวอย่างเช่น กล้วยสุก มะละกอสุก และองุ่น เมื่อไขมันบวกกับปริมาณของแป้ง ในอัตราส่วนที่มากเกินไป อาจจะทำให้อาหาร ที่กินเข้าไปส่งผลให้ ระบบทางเดินอาหารมีปัญหาการย่อยอาหาร อาจจะทำให้ใช้เวลาในการย่อย ที่นานเกินไปจนเกิดอาการท้องอืดได้
2.กินคู่กับอาหารที่ไขมันสูง: อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันดี แต่เมื่อกินคู่กับอาหาร ที่มีไขมันสูงเช่น อาหารทอด เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง จะทำให้ปริมาณไขมันสูงจนเกินไป จนทำให้เกิดโรคอ้วนได้ ถึงแม้ว่าไขมันในอะโวคาโด จะเป็นไขมันดี แต่ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นไขมัน เมื่อร่างกายได้รับเยอะจนเกินไป ระบบย่อยอาหารจะไม่สามารถ ทำงานได้อย่างเต็มที่ อาจจะเกิดไขมันส่วนเกิน และอาจสะสมทำให้เป็นไขมันในเลือด ส่งผลต่อหัวใจได้
3.กินคู่กับพืชตระกูลถั่ว: ในถั่วบางชนิดเช่น ถั่วเหลือง ถั่วแดง จะมีสารชนิดหนึ่งชื่อ FODMAPs สารชนิดนี้เมื่อร่างกายได้รับ คู่กันกับการกินอะโวคาโด อาจจะทำให้เกิดอาการ ท้องอืด และมีแก๊สในลำไส้ได้ หากใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับ ระบบทางเดินอาหาร หรือมีแก๊สในกระเพาะควรเลี่ยงการกินคู่กัน
ที่มา: อะโวคาโดซุปเปอร์ฟู้ด [2]
ในอะโวคาโด มีประโยชน์ที่ต้องรู้ ก่อนการกินมากมาย เนื่องด้วยในอะโวคาโด มีไขมันดีที่ร่างกายต้องการ และยังช่วยในเรื่องการอิ่มท้อง เพราะไขมันในอะโวคาโด สามารถทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น เราจะมาบอก 15 ประโยชน์ของ อะโวคาโด ที่ส่งผลดีต่อร่างกายในส่วนต่างๆ
ที่มา: ประโยชน์ของอะโวคาโดที่ดีต่อสุขภาพ [3]
อะโวคาโดเป็นผลไม้ ที่มีคุณค่าสารอาหารสูง และถูกจัดว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ เพราะอะโวคาโดในปริมาณ 100 กรัม มีครบทั้ง วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ เช่น
ปริมาณคุณค่าทางโภชนาการ ของอะโวคาโดใน ปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 160 กิโลแคลอรี่
วิตามิน (หน่วยเป็น มิลลิกรัม)
แร่ธาตุ (หน่วยเป็น มิลลิกรัม)
สารอาหารอื่นๆ (หน่วยเป็น กรัม)
ที่มา: ประโยชน์ของอะโวคาโดที่ดีต่อสุขภาพ [3]
อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่ไขมันสูง ชนิดไขมันไม่อิ่มตัว สามารถที่จะกินได้ตลอดทั้งวัน แต่ใน 1 วันแนะนำกินเพียง 1 ลูกเท่านั้น เพื่อป้องกันไขมันในเลือด ที่สูงเกินไป และไม่แนะนำ ให้ทานช่วงมื้อเย็น เพราะอาจจะทำให้ท้องอืดได้ ช่วงเย็นแนะนำให้ทานอาหาร ที่ไม่หนักท้อง
สายออกกำลังกาย หรือกำลังลดน้ำหนัก แนะนำให้ทานช่วงเช้า โดยกินคู่กับผัก หรืออาหารโปรตีนไขมันต่ำ เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ช่วยลดการหิวจุกจิกระหว่างวัน และยังมีพลังงานเพียงพอ เพื่อรอมื้อถัดไป จะได้ไม่รบกวนการทำงาน ของระบบย่อยอาหาร จนเกินไป
หากจะถามว่า ทานช่วงเวลาไหนดีที่สุด แนะนำให้ทานช่วงเช้า เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นของวัน ร่างกายต้องการปริมาณพลังงาน เพื่อเพิ่มแรงในการทำงาน และในช่วงเช้าเป็นช่วงที่จะสามารถ ควบคุมการกินได้ดีที่สุด รวมไปถึง สามารถควบคุมคอเลสเตอรอล ได้ดีอีกด้วย
หากสนใจอ่านวิธีการเลือกอะโวคาโดเพิ่มเติมสามารถคลิกอ่านต่อได้ที่ kapook.com
สรุป อะโวคาโด มีประโยชน์ที่ต้องรู้ เมื่อทราบถึงประโยชน์ และข้อควรระวังแล้ว ผลไม้ชนิดนี้ มีคุณค่าสารอาหารมากมาย และยังสามารถช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกด้วย แนะนำให้มีการกินอะโวคาโด แทนการกินของจุกจิก จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
สามารถกินได้ แต่แนะนำให้ควบคุม ปริมาณการกิน ไม่ควรกินผลไม้ สองอย่างนี้ร่วมกันในปริมาณมาก เพราะในองุ่นมีปริมาณแป้งสูง หากกินเยอะจะทำให้เสี่ยง ในการรับไขมัน และแป้งเยอะเกินไป ควรกินผลไม้ชนิดอื่น ร่วมด้วยในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อลดอาการท้องอืด ที่จะเกิดขึ้นได้
อะโวคาโด และโค้ก สามารถกินร่วมกันได้ แต่ไม่แนะนำ เนื่องจากโค้กมีปริมาณน้ำตาลสูง และยังมีแก๊สสูงอีกด้วย หากกินคู่กับอะโวคาโดที่มีไขมันสูง อาจจะส่งผลเสีย ต่อระบบย่อยอาหาร จากแก๊สในตัวโค้ก และอาจจะทำให้อ้วนได้ เพราะหากมีการดื่มน้ำตาลในปริมาณมาก ร่างกายจะดูดซึมไขมันเยอะเกิน กว่าที่ร่างกายรับไหว