
กีวี่ ผลไม้ลดพุง ตัวช่วยลดน้ำหนัก ผลไม้สีเขียวลูกเล็ก รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ตัวช่วยสายลดน้ำหนัก และยังมีสารอาหาร อีกจำนวนมาก มีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกมากมาย เป็นที่นิยมในกลุ่มคนจำนวนมาก หาซื้อได้ทุกที่ ในห้างสรรพสินค้า หรือตามตลาดใหญ่ๆ ทั่วไป
กีวี่มีถิ่นกำเนิด มาจากประเทศจีน ในแถบหุบเขาแยงซี ถูกจัดว่าเป็นผลไม้เมืองหนาว ชื่อแรกที่ใช้เรียกผลไม้ชนิดนี้คือ “ไชนิสกูสเบอร์รี่” (Chinece gooseberry) ต่อมาได้มีการนำไปเป็น สินค้าจำหน่ายระหว่างประเทศ และประเทศแรกที่ได้ค้าขายคือ ประเทศนิวซีแลนด์
ต่อมาได้มีการ นำไปพัฒนาต่อ จึงได้ตั้งชื่อใหม่ให้เป็น “กีวีฟรุต” เพราะในประเทศนิวซีแลนด์ มีนกกีวีเป็นสัญลักษณ์ จึงทำให้ชื่อผลไม้ชนิดนี้ถูกเปลี่ยน และมีคนใช้เรียกกันมา จนถึงปัจจุบัน และยังเป็นชื่อที่คนทั้งโลกจดจำ และไม่ค่อยมีคนพูดถึงชื่อเดิม อีกเลย
กีวี่ ได้นำเข้ามาในประเทศไทย ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2519 โดยการนำเข้ามามีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า (A. Chev) C.F.Liang et A.R.Ferguson ver. deliciosa ได้มีการนำมาทดลองปลูกครั้งแรกที่ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการทดลองและ แนะนำให้เกษตรกรนำไปปลูก เพื่อสร้างรายได้อีกด้วย
ที่มา: กีวีฟรุต [1]
กีวี่เป็นผลไม้แบบไม้เลื้อย สามารถมีอายุอยู่ได้นานหลายปี ใบมีลักษณะแบบแบนเป็นรูปไข่ ใบยาวได้มากถึง 12.5 เซนติเมตร ใบมีสีเขียวเข้ม เมื่อใบออกใหม่จะมีสีแดง ดอกจะออกดีช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ดอกจะมีสีครีม กลิ่นหอม ผลจะมีหลายลักษณะ ทั้งกลมและวงรี มีขนหนามปกคลุม เปลือกสีน้ำตาลอ่อน
ผลของกีวี่จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ เมื่อผลอายุประมาณ 9 เดือน แต่หากปลูกในพื้นที่หนาวจัด ผลจะสุกช้ากว่า การปลูกในพื้นที่ ที่หนาวน้อยกว่า ลักษณะของผลเมื่อสุกจะดูได้ยาก เพราะหากกีวี่สุกเปลือกภายนอก จะแข็งอยู่ มีวิธีการตรวจคือ นำผลไปวัดค่าปริมาณ น้ำตาลของผลกีวี่ หากน้ำตาลได้เกณฑ์คือผลสุก
กีวี่ในประเทศไทย ที่ทางโครงการหลวงปลูกอยู่ ตอนนี้มีถึง 7 สายพันธุ์ได้แก่ พันธุ์ของต้นตัวเมีย, พันธุ์ของต้นตัวผู้, พันธุ์ Bruno, พันธุ์ Monty, พันธุ์ Hayward, พันธุ์ Dexter, พันธุ์ Abbott โดยทั้ง 7 สายพันธุ์นี้ เป็นสายพันธุ์ที่ ทางโครงการหลวงดูแล และทำการวิจัย เพื่อพัฒนาสายพันธุ์เพิ่มขึ้นมาอีก ในอนาคต
สารอาหารใน กีวี่ 100 กรัม ให้พลังงาน 61 แคลอรี และให้สารอื่นๆ อีกเช่น
วิตามิน (หน่วยเป็น มิลลิกรัม)
แร่ธาตุ (หน่วยเป็น มิลลิกรัม)
สารอาหารสำคัญอื่นๆ (หน่วยเป็น กรัม)
ที่มา: กีวี่สรรพคุณและประโยชน์ [2]
สายลดน้ำหนัก ที่กำลังมองหา ผลไม้กินระหว่างมื้อ หรือกำลังหาตัวช่วย เรื่องระบบขับถ่าย การขับไขมันเสีย กีวี่จัดว่าเป็น ผลไม้ลดน้ำหนักได้ดี เหมือนกันกับการกิน แอปเปิ้ลเขียว เพราะมีการให้พลังงานน้อย แต่ช่วยให้อิ่มไว และลดการกินจุกจิก ช่วยลดการอยากกินขนม หรือของหวาน ได้อย่างดี
ในตัวกีวี่ ยังมีไฟเบอร์จำนวนมาก ซึ่งไฟเบอร์นี้จะช่วยในระบบขับถ่าย และระบบลำไส้ สามารถช่วยให้ขับไขมันเสีย และยังพุงจะยุบตัวลง การกินกีวี่ยังช่วยทำให้อิ่มนาน ช่วยลดความอยากอาหารระหว่างวันได้อีกด้วย
หากสนใจอ่านเรื่องผลไม้ลดน้ำหนักเพิ่มเติมสามารถคลิกอ่านได้ที่ hd.co.th
ในประเทศญี่ปุ่น ได้มีการคิดค้น วิธีกินที่เห็นผลดีที่สุด และยังมีการทดลองแล้ว ว่าการกินกีวี่ช่วงเวลาหลังอาหาร ทำให้ได้รับประโยชน์มากที่สุด ช่วยได้หลายเรื่อง เช่น
ที่มา: แค่เปลี่ยนเวลากินก็เปลี่ยนประโยชน์ของกีวี่ได้ [3]
บทสรุป กีวี่ ผลไม้ลดพุง สามารถช่วยลดได้จริง จากการไปช่วยในระบบต่างๆ ในร่างกาย ทั้งระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย และยังช่วยลดไขมันได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดพุง อีกทั้งยังไปช่วยเรื่องผิวพรรณ ให้ผิวสุขภาพดี ดูเปล่งปลั่ง ผิวใสแข็งแรงขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว สามารถกินได้ไม่จำกัด แต่แนะนำให้กิน ไม่เกินวันละ 2-3 ลูก จะเป็นปริมาณที่ร่างกายต้องการได้รับ นอกจากนี้หากกินเยอะเกินไป อาจจะได้รับน้ำตาลในปริมาณมาก ถึงแม้ว่าจะช่วยเรื่องลดน้ำหนัก แต่ในกีวี่ก็ยังมีน้ำตาลอยู่
สำหรับคนที่มีปัญหา ท้องอืด ขับถ่ายยาก ท้องผูก แนะนำให้กินกีวี่ได้ เพราะในกีวี่มีไฟเบอร์สูง เป็นตัวช่วยเรื่องการขับถ่าย และยังสามารถกระตุ้น การขับถ่ายได้ดี สามารถกินกีวี่ก่อนนอน เพื่อให้ไปกระตุ้นระบบขับถ่ายได้เลย